กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--มาร์เก็ต-คอมส์
"ทุ่งคาฮาเบอร์" ตั้งเป้าจะเป็นบริษัทโฮลดิ้ง คอมพานี ลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายภายใน 5 ปี คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 2 พันล้านบาท หลังดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียนได้สำเร็จ และลดหนี้ 520 ล้านบาท ได้หมด จะนำบริษัทกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ THL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตไว้ โดยจะจัดตั้ง THL ให้เป็นโฮลดิ้งคอมพานี ประกอบธุรกิจด้านการลงทุน ในกิจการสำรวจ การทำเหมืองแร่ การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพคุ้มค่าการลงทุน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจ 5 ปี โดยตั้งเป้าสัดส่วนโครงสร้างรายได้ ในช่วงปี 2559 จะมาจากธุรกิจเหมืองหิน ร้อยละ 65 และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 35 และประมาณการณ์รายได้ภายใน 5 ปี หรือปี 2562 จะมีรายได้ประมาณเกือบ 2,000 ล้านบาท
โดยขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ที่ได้รับการอนุมัติจากศาลล้มละลายกลาง ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2558 ซึ่งภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการนี้ บริษัทฯ จะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจากภาระหนี้ทั้งหมด 2,880 ล้านบาท ได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ปรับลดเหลือหนี้เพียง 520 ล้านบาท และจะมีการปรับโครงสร้างทุน โดยบริษัทฯ จะดำเนินการเพิ่มทุนจากเดิม 756,939,463 บาท ประกอบด้วยหุ้นจำนวน 756,939,463 หุ้น โดยเพิ่มขึ้นอีก 23,400,000,000 บาท เป็นจำนวน 23,400,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อจัดสรรให้ผู้ลงทุน ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนเป็นจำนวน 24,156,939,463 บาท ประกอบด้วย 24,156,939,463 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งการเพิ่มทุนจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้น 24 มีนาคม 2559
สำหรับการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จะแบ่งเป็น การจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 8,075,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.05 บาท หรือ 403,750,000 ล้านบาท และการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นรายเดิม (RO) จำนวน 1,758,283,143 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.05 บาท หรือ 87,914,157.15 ล้านบาท นอกจากนี้ยังหุ้นที่ไม่ได้จัดสรรอีก 13,566,716,857 หุ้น ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 มีนาคม 2559
โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ ประมาณ 1,170 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ในการชำระหนี้ ขยายกิจการในอนาคต และใช้เป็นทุนหมุนเวียนภายในบริษัท
"การขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยผู้ถือหุ้นมีความเชื่อมั่นต่อความสามารถในการบริหารงานของทีมบริหารชุดใหม่ และศักยภาพในการบริหารธุรกิจให้เจริญเติบโตได้ในอนาคต รวมทั้งการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น สามารถขยายการลงทุนในอนาคตได้อีกมาก นอกจากนี้ ส่วนของทุนของบริษัทฯ จะกลับมาเป็นบวก และมีความพร้อมที่จะนำกลับเข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ทันที" นายวิจิตร กล่าว