กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--มีเดีย พลัส คอนเนคชั่น
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการ ประจำปี 2558 ปิดไตรมาส 4 ด้วยกำไรเพิ่มขึ้น ร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันในปี 2558 บริษัทมียอดขายสุทธิ 31.1 พันล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน ในอัตราร้อยละ 2
นายวรเทพ รางชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2558 ของบริษัทเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 45 เมื่อ เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการผลิตเต็มกำลังการผลิตและการบริหารต้นทุน การผลิตที่มีประสิทธิภาพ การลงทุนในสินทรัพย์อุตสาหกรรมรวมถึงการปรับลดลงของราคา พลังงานในตลาดโลก นอกจากนี้รายได้อื่นซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาท ยังส่งผลให้กำไร เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามเนื่องจากความต้องการภายใน ประเทศ และราคาขายที่ปรับตัวลดลงจากอุปสงค์ที่ลดลงของธุรกิจหลัก ส่งผลให้ยอดขายสุทธิ ลดลง ร้อยละ 2 ปูนซีเมนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหิน และอัตราค่าไฟที่ลดลง นอกจากนี้การดำเนินงานและการลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดหา ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุน ในการผลิตลดลง ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น ไว้ได้ในอัตราร้อยละ 44 ทั้งที่ปัจจัย ภายนอกไม่เอื้ออำนวย กำไรสำหรับปีได้ปรับลดลง ในอัตราร้อยละ 10 อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้น รวมทั้งรายได้ที่ลดลงจากบริษัทในกลุ่ม แม้จะได้รับการชดเชยจากรายได้อื่นซึ่งไม่ใช่รายได้หลัก ของบริษัทแล้วก็ตาม (คิดเป็นร้อยละ 1.2) อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ในอัตราร้อยละ 6 จากการบริหารเงื่อนไขการชำระเงินของลูกค้าและคู่ค้าให้เกิดความสมดุลกัน รวมทั้งการบริหารสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
"การลงทุนหลักของบริษัทในปีนี้ประกอบด้วย การก่อสร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งใหม่ ในประเทศ กัมพูชาซึ่งมีกำลังการผลิต 5,000 ตันต่อวัน การขยายกำลังการผลิตของหม้อบดปูนซีเมนต์ ที่ โรงงานสระบุรี รวมถึงโครงการอินทรีสมาร์ท ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลที่ทันสมัย ในการบริหารจัดการองค์กร (SAP HANA) ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการเริ่มใช้งาน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558"
"ในขณะที่สถานการณ์ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 เนื่องจากความต้องการที่ลดลงตามฤดูกาลของกิจกรรมการก่อสร้าง ส่วนภาพรวมก็ยังได้รับ ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้กระทบกับการส่งออก ประกอบกับราคาพืชผล การเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น และความล่าช้าของโครงการก่อสร้าง สาธารณูปโภค ขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการของตลาดที่ลดลงในอัตราร้อยละ 2 ตลอดปี 2558 นอกจากนี้ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาพลังงาน ที่ลดต่ำลง ส่งผลให้ราคาขายปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในส่วนของตลาด ปูนซีเมนต์ตามแนวชายแดนทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และลาว ยังคงมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในสามประเทศนี้ไว้ได้ โดยได้ มีการเพิ่มการส่งออกปูนเม็ดจากปีที่แล้วในอัตราร้อยละ 47 เพื่อช่วยแบ่งเบาสภาวะ ปูนซีเมนต์ ล้นตลาดภายในประเทศ
"บริษัทคาดว่าตลาดปูนซีเมนต์จะเติบโตแบบปานกลางในไตรมาสแรกของปี 2559 และคงไม่ได้ เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วจนกว่าจะมีการเริ่มก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภค ขนาดใหญ่ ของรัฐบาล ส่วนปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ยังคงล้นความต้องการของตลาดภายในประเทศ โดยเฉพาะจากการเพิ่มกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายใหม่ ดังนั้นนโยบายหลักของบริษัทคือ ดำเนินการผลิตด้วย ต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ พร้อมทั้งรักษาคุณภาพและส่วนแบ่งการตลาด โดยการสร้างสรรค์ คุณค่าสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา" นายวราเทพ สรุป
ผลประกอบการของกลุ่มบริษัท
ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2558 กำไรของบริษัทในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 45 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการผลิตเต็มกำลังการผลิตและการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ การลงทุนในสินทรัพย์อุตสาหกรรมรวมถึงการปรับลดลงของราคาพลังงาน ในตลาดโลก นอกจากนี้รายได้อื่นซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาทยังส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การจัดหาเงินสดในปี 2558 ค่อนข้างเข้มแข็ง คือ กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงาน เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 6 เนื่องมาจากการบริหาร เงินทุนหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ
คณะกรรมการเสนอการจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้นในอัตรา 15 บาท ต่อหุ้นจากกำไรของบริษัทในปี 2558 โดยที่เป็นเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 8 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้ชำระเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 และ เงินปันผลงวดสุดท้ายจำนวน 7 บาทต่อหุ้น จะดำเนินการชำระได้ภายในเดือน พฤษภาคม 2559 หลังจากได้รับอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2559
กิจกรรมของธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ
ปูนซีเมนต์
ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 เนื่องจากความต้องการ ที่ลดลงตามฤดูกาลของกิจกรรมการก่อสร้าง ส่วนภาพรวมก็ยังได้รับผลกระทบจาก เศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัวทำให้กระทบกับการส่งออก ประกอบกับราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น และความล่าช้าของโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการของตลาดที่ลดลงในอัตราร้อยละ 2 ตลอดปี 2558 นอกจากนี้ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาพลังงานที่ลดต่ำลง ส่งผลให้ราคาขายปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในส่วนของตลาดปูนซีเมนต์ ตามแนวชายแดนทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และลาว ยังคงมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในสามประเทศนี้ไว้ได้ โดยได้มีการเพิ่มการส่งออกปูนเม็ดจากปีที่แล้วในอัตราร้อยละ 47 เพื่อช่วยแบ่งเบาสภาวะ ปูนซีเมนต์ล้นตลาดภายในประเทศ
คอนกรีตผสมเสร็จและอะกรีเกต
บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด ซึ่งประกอบด้วย อินทรีคอนกรีตและอินทรีอะกรีเกต ยังคงมีการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อินทรีคอนกรีตมียอดขายที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพราะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ และการขยายตัวของหน่วยผลิตของบริษัท (Foot Print Expansion) อย่างไรก็ตาม รายได้ของคอนกรีตลดลงในอัตราร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากราคาขายที่ลดลง
อินทรีอะกรีเกตมียอดขายที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 36.2 เนื่องจากการปรับปรุงโรงงานที่สุพรรณบุรีได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว รวมทั้งหน่วยงานอินทรีอ่างทองมีการดำเนินการผลิตครบระยะเวลาหนึ่งปี
ทั้งนี้การปรับปรุงโรงงานส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้าภายใน (อินทรีคอนกรีต) และภายนอก ดังนั้นรายได้จากการขายของอินทรีอะกรีเกตจึงเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
คอนวูด (ธุรกิจวัสดุทดแทนไม้)
ยอดขายของ บริษัท คอนวูด จำกัด ในปี 2558 ลดลงร้อยละ 8.3 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากโครงการก่อสร้างใหม่ชะลอตัวลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมากจากภาวะซบเซาของตลาด ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลงร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ชุดนาโนคัลเลอร์ และคอนวูดเดค-ที-ล็อค ซึ่งมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าในการใช้ตกแต่งให้มีความสวยงามจากสีสรรของผลิตภัณฑ์และติดตั้งง่าย จึงทำให้ประหยัดเวลาและสะดวกในการติดตั้ง
อินทรีอีโคไซเคิล (ธุรกิจบริหารจัดการของเสียอย่างครบวงจร)
บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงที่ก่อตั้งขึ้นล่าสุด เพื่อดำเนินกิจการสานต่อจากธุรกิจเดิมที่ชื่อ จีโอไซเคิล บริษัทให้บริการด้านการบริหารจัดการของเสียอย่างครบวงจรผ่านวิธีการเผาร่วมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเตาเผาปูนซีเมนต์ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
อินทรีซุปเปอร์บล๊อก (ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา)
ยอดขายของบริษัท อินทรี ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะเติบโตในส่วนของสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น ทับหลังสำเร็จรูป และผนังสำเร็จรูปเสริมแรงที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดประเภทนี้ เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดทำให้ต้องมีการปรับลดราคาลงเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งส่งผลต่อรายได้จากการขายที่ลดลงในอัตราร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อน