กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--ธ.ก.ส.
ธ.ก.ส.ออกโครงการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ปี2558/59 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด 2558/59 วงเงิน 9,600 ล้านบาท แก้ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำและสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกมันวางแผนการผลิตและเก็บเกี่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทำให้ผลผลิตตกต่ำและหัวมันสำปะหลังไม่ได้คุณภาพตามความต้องการของตลาด โดยได้ออกโครงการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังปี 2558/59 วงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท เกษตรกรเป้าหมาย 100,000 ราย เนื่องจากแนวโน้มมันสำปะหลังออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าในระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน 2559 จะมีผลผลิตมันสำปะหลังเก็บเกี่ยวประมาณ 21.23 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 68.35 ของปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังทั้งปีออกสู่ตลาดทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังเกินกว่าความต้องการของตลาด ส่งผลให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาต่ำ ธ.ก.ส.จึงได้สนับสนุนเงินทุนให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง เพื่อให้เกษตรกรสามารถชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังและมีทางเลือกเพื่อขายในช่วงเวลาที่ราคาผลผลิตมันสำปะหลังสูงขึ้น และมีเงินทุนหมุนเวียนใช้จ่ายในครัวเรือนระหว่างรอการเก็บเกี่ยว
โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร หรือเป็นเกษตรกรทั่วไปที่ธนาคารได้สอบสวนและพิจารณารับขึ้นทะเบียนเป็นลูกค้าประจำสาขา เป็นเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในปี 2558/59 และต้องแสดงสมุดทะเบียนเกษตรกรที่ได้รับการรับรองการปลูกและจำนวนพื้นที่การปลูกมันสำปะหลัง จากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเกษตรกรที่มีมันสำปะหลังเป็นของตนเองและยังไม่ได้ขุดจำหน่าย โดยยินยอมทำหนังสือรับรองปริมาณหัวมันสำปะหลังต่อ ธ.ก.ส. โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านหรือผู้นำท้องถิ่นที่เป็นสถานที่ปลูกมันสำปะหลังให้การรับรองความมีอยู่จริงของหัวมันสำปะหลัง และผ่านการตรวจสอบของพนักงานพัฒนาธุรกิจประจำสาขา
สำหรับวงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาประเมินมูลค่า มันสำปะหลังส่วนที่ยังไม่ขุด โดยคำนวณจากราคาเฉลี่ยที่ 2.00 บาทต่อกิโลกรัม และปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังเฉลี่ยที่ 3,500 กิโลกรัมต่อไร่ หรือขอกู้ได้ไม่เกินไร่ละ 2,100 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี กำหนดชำระคืนหนี้เงินกู้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันกู้ ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 - 30 เมษายน 2559 ทั้งนี้ในช่วงที่เกษตรกรลูกค้าอยู่ในระหว่างเข้าร่วมโครงการชะลอเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง หากมีหนี้ที่ถึงกำหนดชำระในช่วงดังกล่าวกับ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นการคลายความกังวลจากปัญหาภาระหนี้สิน ธ.ก.ส.จะพิจารณาขยายระยะเวลาการชำระหนี้ของเกษตรกรลูกค้าที่มีอยู่เดิมออกไปจนกว่าเกษตรกรจะมีรายได้จากการขุดมันสำปะหลังจึงค่อยมาชำระหนี้
นายลักษณ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังได้ออกโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยดปี 2558/59 วงเงินสินเชื่อ 4,600 ล้านบาท เกษตรกรเป้าหมาย 20,000 ราย เพื่อให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การใช้ระบบน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต (Productivity) และคุณภาพของผลผลิตมันสำปะหลัง อีกทั้งสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ในระยะยาวและลดความเสี่ยงจากภาวะฝนแล้ง ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรกรลูกค้าของธนาคารหรือเกษตรกรทั่วไปที่ธนาคารรับขึ้นทะเบียนเป็นลูกค้าประจำสาขา ต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2558/59 และต้องแสดงสมุดทะเบียนเกษตรกรที่ได้รับการรับรองการปลูกและจำนวนพื้นที่การปลูกสำปะหลังที่เป็นปัจจุบัน จากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมีความตั้งใจในการนำเงินกู้ไปลงทุนในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก (ในระบบน้ำหยด)
ธนาคารกำหนดวงเงินกู้รายละไม่เกิน 230,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนขุดบ่อบาดาล หรือแหล่งน้ำอื่นๆ และค่าวางระบบน้ำหยด อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี เป็นระยะเวลา 24 เดือนนับแต่วันรับเงินกู้ หลังจากนั้นเป็นอัตรา MRR (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 7) กำหนดชำระหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้และที่มาแห่งรายได้ของลูกค้า โดยให้ชำระหนี้คืนเสร็จไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันกู้ และเริ่มจ่ายเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 - 31 ธันวาคม 2559
โดยเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร 02 555 0555 และที่ www.baac.or.th