กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--M PICTURES
เข้าฉาย 17 มีนาคม 2559
ผู้กำกับ : เกวิน โอ คอนเนอร์ (Pride and Glory, Warrior)
เขียนบท : ไบรอัน ดัฟฟิลด์, แอนโธนี่ แทมบากิส
นักแสดง : นาตาลี พอร์ตแมน, โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน, ยวน แม็คเกรเกอร์, ร็อดริโก ซานโตโร, โนอาห์ เอ็มเมอริช
เนื้อเรื่อง : เจน แฮมมอนด์ (นาตาลี พอร์ตแมน) พยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกสาวของเธอและบิลล์ (โนอาห์ เอ็มเมอริช) สามีของเธอ แต่เมื่อรู้ว่าจอห์น บิช็อป (ยวน แม็คเกรเกอร์) หัวหน้าแก๊งอันธพาลและพรรคพวกกำลังไล่ล่าชีวิตเธออย่างไม่ลดละ เธอจึงหันหน้าไปพึ่งแดน ฟรอสท์(โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) อดีตคนรักของเธอเพื่อต่อกรกับแก๊งทรชนสุดอำมหิตนี้ให้ได้
ตัวอย่างซับไทย : https://www.youtube.com/watch?v=CnTyS3B8KN0
Jane got a gun เป็นผลงานกากำกับล่าสุดของ เกวิน โอ คอนเนอร์ ผู้กำกับจาก Pride and Glory และ Warrior เขียนบทโดย ไบรอัน ดัฟฟิลด์ (Insurgent), แอนโธนี่ แทมบากิส (Warrior) และ โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน
กว่าจะเป็น เจน ปืนโหด
จุดเริ่มต้นมาจากบทหนังร่างแรกของ ไบรอัน ดัฟฟิลด์ ที่ต้องการถ่ายทอดการต่อสู้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่พร้อมยืนหยัดท้าทายความอยุติธรรม หลังจากดัฟฟิลด์พยายามหาแนวทางในการสร้างหนัง เขาก็พบว่าแนวตะวันตกนี่แหละคือใช่สำหรับเขา โดยมีหญิงสาวชื่อเจน เป็นตัวละครเดินเรื่องและเขาก็นึกภาพของนาตาลี พอร์ตแมนเป็นคนแรกในบทเจน แฮมมอนด์ แล้วเมื่อเขานำบทไปเสนอให้พอร์ตแมน ผู้ก่อตั้งบริษัท Handsome Charlie Film ก็มองเห็นศักยภาพที่จะกลายเป็นหนังจอเงินได้ "ฉันสนใจวิธีการของไบรอันที่ใช้แนวหนังตะวัตกมาถ่ายทอดอำนาจอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงที่ชื่อเจนซึ่งเธอก็ใช้อำนาจเหล่านั้นเพื่อปกป้องครอบครัวของเธอ" และไม่เพียงแต่ถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้ของเจนแล้ว ยังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจนกับแดนซึ่งอยู่ผิดที่ผิดเวลาอีกด้วย อันถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พอรต์แมนตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจกต์นี้ รวมถึงข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับท้องเรื่องในหนัง "ตะวันตกถือเป็นดินแดนลับที่ยังไม่ได้บันทึกใดๆ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ผู้หญิงมีเสรีภาพ พวกเธอสามารถมีงานทำ ทำไร่ เรียนหนังสือและออกสิทธิ์ออกเสียง แล้วสิทธิเหล่านั้นอาจจะเกิดขึ้นครั้งแรกในดินแดนตะวันตก" ซึ่งอำนาจของผู้หญิงคือปัจจัยสำคัญในการเอาตัวรอด และสภาพแวดล้อมอันแร้นแค้นก็มีผลต่อตัวละคร ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างพิสูจน์ตนเอง และพวกเขาต้องเชื่อมั่นในตนเองเพื่อมีชีวิตรอด
ด้วยความทรงพลัง อุดมไปด้วยแรงขับเคลื่อนแสนเข้มข้นและมุมมองที่แข็งแรงเกี่ยวกับการต่อสู้ของผู้หญิงแกร่งหัวใจอิสระที่จะบอกความเป็นไปบนโลกใบนี้ บทของดัฟฟิลด์จึงติดอยู่ในบัญชีดำ "บทหนังยอดเยี่ยมที่ยังไม่ได้รับการสร้าง" ซึ่งดึงดูดนายทุนและคนทำหนังมากมายที่จะร่วมโปรเจกต์นี้ หนึ่งในนั้นคือ เกวิน โอ คอนเนอร์ ผู้ที่สนใจมุมมองรักสามเส้าระหว่าง เจน, แดน และบิลล์ เขาจึงชักชวน แอนโธนี่ แทมบากิส มือเขียนบทที่เคยร่วมงานกับโอ คอนเนอร์ใน Warrior มาช่วยเพิ่มน้ำหนักและเกลาบทให้มีเรื่องความรักสุดสะเทือนอารมณ์และไคลแมกซ์ของหนังก็จะมีช่วงหักมุมสดใหม่ในหนังคาวบอยเรื่องนี้
"สิ่งที่ผมได้เพิ่มเติมลงในบทหนังคือเส้นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ค้นพบตัวตนที่แท้จริงและความกล้าหาญในตัวเอง แล้วในที่สุดเธอก็เป็นคนเดียวที่ยืนหยัดและพลิกสูตรสำเร็จของหนังตะวันตกทั่วไป" แทมบากิสกล่าว
หนังนำแสดงโดย นาตาลี พอร์ตแมน ในบทของเจน สาวนักสู้แดนเถื่อนซึ่งนอกจากจะควบตำแหน่งในจอแล้ว เธอยังเป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วยจึงกลายเป็นงานท้าทายที่จะทำผลงานออกมาให้ยอดเยี่ยม ทางด้าน โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน ผู้รับบทเป็นแดน อดีตคนรักของเจนก็เห็นว่าพอร์ตแมน เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับบทนี้ เพราะเจนเป็นตัวละครที่แข็งแกร่ง แล้วตัวพอร์ตแมนก็มีทั้งความแข็งแกร่งและความอ่อนโยน เปราะบางในตัวเธอที่พร้อมจะเปิดเผยออกมาผ่านจอเงิน เช่นเดียวกับบทของเอ็ดเกอร์ตันเอง
"แดนเป็นอดีตทหารและมือปืนที่พยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขากลายเป็นคนติดเหล้าเพราะเขาสูญเสียเจน คนรักของเขาให้ชายอื่น หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังรักของคนสองคนที่จะได้พบกันอีกครั้งและเข้าใจอดีตของแต่ละฝ่าย พวกเขาต่างค้นพบความจริงภายใต้สถานการณ์บีบบังคับ แล้วทั้งสองก็จะกลับไปสู่ถิ่นที่พวกเขาจากมา" เอ็ดเกอร์ตันกล่าวถึงตัวละครของเขา
ตามด้วยคนที่จะเป็นบิลล์ แฮมมอนด์ ผู้ที่เคยช่วยชีวิตเจนแล้วกลายเป็นรักครั้งใหม่ของเธอคือ โนอาห์ เอ็มเมอริช นักแสดงขายฝีมือที่เคยร่วมงานกับโอ คอนเนอร์ใน Warrior เขาอธิบายตัวละครของเขาว่า "บิลล์เป็นคนที่ยึดถือศีลธรรมเป็นหลัก แต่เขาไปเกี่ยวพันกับพวกนอกกฎหมาย" ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจนจึงยิ่งทำให้ทั้งสองตกอยู่ในอันตราย การคุกคามของแก๊งบิช็อปกลายเป็นจุดพลิกผันในชีวิตของเธอ แต่เธอจะไม่หนีอีกต่อไปแล้วจะสู้เพื่อปกป้องครอบครัว
"มันไม่จำเป็นว่าเรื่องราวจะลงเอยด้วยดีหรือเปล่า แต่มีการพัฒนาการในตัวเธอและบางอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอ หลายอย่างที่ผ่านมามันทำร้ายเธอแต่ก็ให้อะไรบางอย่างที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วเธอก็ตระหนักว่าเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากใครอีกเพื่อก้าวต่อไป" เอ็ดเกอร์ตันกล่าวเสริม ทางด้านพอร์ตแมนก็มีความเห็นว่า "มุมมองหนังตะวันตกในเรื่องนี้เปรียบได้กับความรักอย่างหนึ่ง และหนทางที่เราทำร้ายกันแล้วเราก็ไม่อาจเอากลับคืนมาได้อีก เมื่อคุณทำอะไรซักอย่าง คุณสามารถทำลายความสัมพันธ์อย่างไม่อาจซ่อมแซมได้ สิ่งที่น่าเศร้าเกี่ยวกับแดนและเจนนั้นมันสายไปแล้วสำหรับพวกเขา
"ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องรักสามเส้าที่ยอดเยี่ยมเลยซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อนในหนังตะวันตก ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงมีมุมมองของผู้ชายที่เราคุ้นเคยในหนังตะวันตก แต่น่าสนใจมากๆที่มีกระบอกเสียงของผู้หญิงเป็นแก่นกลาง" เอ็มเมอริชกล่าว
แล้วผู้ที่เป็นจอห์น บิช็อป (คอลิน แมคคาน) หัวหน้าแก๊งทรชนและศัตรูตัวฉกาจของเจนคือ ยวน แม็คเกรเกอร์ นักแสดงมากเสน่ห์และฝีมือการแสดง เขาเคยร่วมงานกับพอร์ตแมนมาแล้วในหนังแฟรนไชส์ Star Wars Episode 1-3 ซึ่งทั้งคู่เคยเล่นบทฝ่ายธรรมะด้วยกัน แต่ครั้งนี้เขาจะกลายเป็นคู่ปรับของเธอ
"เขาเป็นคนที่คุณไม่อยากจะล้ำเส้น เขาสามารถใช้เสน่ห์เพื่อได้สิ่งที่เขาต้องการในแง่ของการวางมาดถืออำนาจ แต่ผมไม่คิดว่าเขาเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ตามหลักความเป็นจริงนะ คุณไม่อาจจะเข้าถึงบทของคนดีหรือคนเลว คุณควรสวมบทบาทในฐานะมนุษย์คนหนึ่งต่างหาก ดังนั้นการเข้าถึงบทของผมก็ไม่ต่างจากบทอื่นๆที่ผมทำมา" แม็คเกรเกอร์กล่าวถึงตัวละครของเขา
นอกจากนี้ยังได้ ร็อดริโก ซานโตโร หนุ่มฮอตชาวบราซิลที่ขอฉีกบทบาทมาเป็นฟิตท์ชัม สมาชิกแก๊งบิช็อป โดยซานโตโรลงทุนดูหนังเรื่อง Once Upon a Time in the West ของผู้กำกับในตำนาน เซอร์จิโอ เลโอเน เพื่อเข้าถึงบทบาท และ บอยด์ โฮลบรู้ค ในบทวิก น้องชายของจอห์น ที่อำมหิตไม่แพ้พี่ชาย
"วิกเปรียบเสมือนสุนัขรับใช้ของจอห์น เขาไร้เมตตา ไม่มีคำว่าให้อภัยในสารบบ แต่เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันบนความฉิบหายของผู้อื่น และในโลกที่ไร้การให้อภัย คุณต้องต่อสู้ทุกสิ่งทุกอย่างและขัดแย้งกับผลประโยชน์ของผู้อื่น โลกใบนี้จึงเป็นที่ๆคุณต้องพึ่งดวงถึงจะเอาตัวรอด และเรื่องราวในหนังก็สะท้อนความจริงในยุคนั้น"
หนังมีท้องเรื่องอยู่ที่นิว เม็กซิโก ยุคหลังสงครามกลางเมือง ทีมงานจึงยกกองไปถ่ายทำที่นครซานตาเฟ เมืองหลวงของรัฐซึ่งทีมงานต้องการเสนอให้เห็นสภาพความแร้นแค้น รุนแรงและสมจริง ทิวทัศน์ที่ถ่ายทอดออกมาโดย แมนดี้ วอล์คเกอร์ ผู้กำกับภาพจากหนังฟอร์มดี Australia, Red Riding Hood และTracks จึงออกมางดงาม แต่แห้งแล้ง อุดมด้วยทะเลทราย
"เราจะทำออกมาให้สมจริง เราต้องการนำเสนอแดนตะวันตกให้เป็นดินแดนเถื่อน มืดหม่นซึ่งแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆที่ถูกแต่งเติมให้สวยงาม หนังจึงใช้เฉดสีเทา สีดำ และสีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบการทำหนัง" ทิม ไกรมส์ ผู้ออกแบบงานสร้างกล่าว ซึ่งเขาได้ร่วมมือกับ เจมส์ โอเบอร์แลนเดอร์ ในการค้นคว้าข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ปี 1860 และปี 1870 เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวได้ถูกต้องและสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ รวมถึงเครื่องแต่งกายที่แสดงถึงความดิบห้าว โดยได้ แคทเธอลีน จอร์จ และ เทอร์รี่ แอนเดอร์สัน มาออกแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพทุรกันดารและตัวละครที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญ ดังนั้นเครื่องแต่งกายของตัวละครจึงต้องมีพื้นผิวหยาบและสีสันต้องหม่นหมองเป็นพิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อถ่ายทำจริง ทีมงานก็ต้องเผชิญหน้าทั้งลมพายุ พายุทะเลทรายและพายุหิมะ รวมถึงความขัดแย้งในกองถ่าย (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ เคยอยู่ในทีมนักแสดงในบทแดน ฟรอสท์ แล้ว ลินน์ แรมเซย์ เคยเข้ามากำกับโปรเจกต์แต่ก็ถอนตัวเพราะความขัดแย้งในกองถ่าย ในที่สุดเกวิน โอ คอนเนอร์ก็เข้ามากุมบังเหียนแล้วโจเอล เอ็ดเกอร์ตันก็มาแทนที่ฟาสเบนเดอร์) กว่าโปรเจกต์จะเสร็จสมบูรณ์ได้จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทีมงานและระยะเวลาเป็นเครื่องมือพิสูจน์
"เมื่อถึงวันสุดท้ายของการถ่ายทำหนัง ก็ให้ความรู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จจริงๆ ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นได้เพราะความศรัทธาอันแรงกล้าและความไว้เนื้อเชื่อใจของคนทุกคนในทีมงาน" สก็อต ลาสไตติ หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างกล่าว ส่วนมือเขียนบท แอนโธนี่ แทมบากิส ก็ให้ความเห็นว่า "หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับความรัก การไถ่บาป อดีตอันมืดหม่นที่ติดตามตัวและการแสวงหาความกล้าหาญในชีวิต เราทำหนังโดยวางโครงสร้างแบบหนังตะวันตกคลาสสิก แล้วเพิ่มความลึกซึ้งให้องค์ประกอบของเรื่องราวความรักที่ไม่มีเงื่อนไข"
"ในที่สุดแล้ว Jane got A Gun เป็นเรื่องราวอันเข้มข้นของผู้หญิงคนหนึ่งที่ค้นพบความแกร่งกล้าในสถานการณ์อันคับขัน เรื่องราวของเธอได้รับการเติมแต่งด้วยวิสัยทัศน์การเล่าเรื่องอันทรงพลังและน่าสนใจ รวมถึงตัวละครที่มีมิติทางอารมณ์ซึ่งทำให้ความพยายามในการสร้างสรรค์ถือว่าคุ้มค่า" แมรี่ รีเจนซี่ บอยส์ หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างกล่าวทิ้งท้าย