กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--KPLUS PR
CHOW ยืนยันธุรกิจยังแข็งแกร่ง ทั้งธุรกิจเหล็กและพลังงานแสงอาทิตย์ เผยปี 59 แนวโน้มยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น เตรียมขายไฟเพิ่มอีกหลายโครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 80เมกะวัตต์ หลังปลายปี 58 ขายแล้ว 23 เมกะวัตต์ จากการลงทุน 2 เฟสรวม 33 เมกะวัตต์
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOWผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงาน ประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ของธุรกิจในปัจจุบันว่า ยังแข็งแกร่งและมีทิศทางการเติบโตที่ดี ทั้งธุรกิจเหล็ก และธุรกิจพลังงาน โดยมองว่าในปี 2559 ความต้องการใช้เหล็กในประเทศจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากที่ภาครัฐใช้มาตรฐาน มอก.เข้ามาควบคุมคุณภาพเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ และการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ธุรกิจพลังงานจะเห็นความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าโครงการต่างๆ ที่ได้ริเริ่มไว้ในปี 2558 ทั้งโครงการที่ได้ลงทุนโดยตรง และโครงการที่ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตร ซึ่งจะสะท้อนรายได้จากธุรกิจพลังงานเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ
"ปี 59 จะเป็นอีกปีที่ยอดเยี่ยมของ CHOW เพราะอุตสาหกรรมเหล็กแท่งยาว หรือ Steel Billet เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรกของปี จากการใช้มาตรฐาน มอก.เข้ามาควบคุมคุณภาพเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เหล็กคุณภาพต่ำเข้ามาในตลาดไทยได้ยากขึ้น โดยพบว่าเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาหนาแน่นขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากธุรกิจพลังงานมีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ เพราะโครงการที่เริ่มรับรู้รายได้ในปลายปี 2558 จำนวน 23 เมกะวัตต์ จากแผนลงทุนรวม 2 เฟสจำนวน 33 เมกะวัตต์ จะรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้ ส่วนโครงการอื่นๆ ที่ลงทุน และ ร่วมลงทุนไว้ในปี 2558 จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นไป โดยคาดว่าภายในปี 2559 จะสามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟไม่น้อยกว่า 80 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังมีอีกมาก โดยเฉพาะจากพลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลพิษอย่างไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในประเทศและต่างประเทศดังกล่าว"
นายอนาวิล กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2558 โรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นได้เชื่อมต่อสายส่งและขายไฟเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากจำนวน 8.48 เมกะวัตต์ในไตรมาสที่ 3 มาเป็น 23 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากธุรกิจพลังงานในไตรมาสที่ 4/2558 เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3/2558 บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงาน สามารถพลิกจากขาดทุน 14.61 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2557 มามีกำไรสุทธิ จำนวน 36.27ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 348 และส่งผลให้ผลประกอบการในงวดสะสม 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 2558 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 58.50 ล้านบาท