กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
คริสตัล ลากูนส์ เปิดตัวในทวีปเอเชียด้วยการพัฒนาโครงการในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย โดยการนำประสบการณ์เทคโนโลยีแห่งนวัตกรรมสุดล้ำครั้งใหม่มาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ "ที่ทำให้การใช้ชีวิตริมหาดในอุดมคติเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก" ขณะเดียวกันก็ยังคงยึดหลัก "ความยั่งยืน" โดยตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลักสำคัญด้วย
คริสตัล ลากูนส์ ได้นำเสนอแนวคิดอันเป็นเอกลักษณ์ในการสร้างลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัล ซึ่งทำให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่าง "มีประสิทธิภาพ" ด้วยการประหยัดพลังงานและปริมาณน้ำที่ใช้ โดยยังคงความปลอดภัยไว้ได้อย่างครบสมบูรณ์
เทคโนโลยีซึ่งมีคุณสมบัติการพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยในสหรัฐอเมริกานั้นได้รับการจดสิทธิบัตรโดยสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐฯ (United States Patent and Trademark Office: USPTO) ผ่านโครงการฟาสต์แทร็กสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Technologies) เนื่องจาก คริสตัล ลากูนส์ ได้ทำประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของโลก ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ คริสตัล ลากูนส์ เพิ่งได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประจำปี 2558 (2015 National Environmental Award) ด้วย
นวัตกรรมดังกล่าวได้รับการยอมรับและตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์กว่า 3,000 ฉบับทั่วโลก รวมถึงในสื่อสากลที่มีชื่อเสียงอย่าง เนชั่นแนลจีโอ กราฟฟิก (National Geographic) ซีเอ็นเอ็น (CNN) บลูมเบิร์ก (Bloomberg) ป๊อปปูลาร์เมคานิกส์ (Popular Mechanics) แอนนิมอลแพลนเน็ต (Animal Planet) อินเตอร์เนชั่นแนลบิสสิเนสไทมส์ (International Business Times) บลูมเบิร์กเทเลวิชั่น (Bloomberg Television) เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล (The Wall Street Journal) บีบีซี (BBC) รอยเตอร์ส (Reuters) รีดเดอร์สไดเจสท์ (Reader's Digest) และอื่นๆ อีกมากมาย
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2550 คริสตัล ลากูนส์ (Crystal Lagoons) ได้ผลักดันแนวคิดและเทคโนโลยีที่เป็นการนำประสบการณ์ครั้งใหม่มาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้การออกแบบและสร้างลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลด้วยต้นทุนที่ต่ำสามารถเกิดขึ้นได้บนทุกพื้นที่ทุกแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทะเลทราย พื้นที่ใกล้ชายฝั่งแต่ไม่ติดทะเล พื้นที่ห่างไกลทะเล หรือแม้กระทั่งพื้นที่ในชุมชนเมือง ซึ่งในอดีตล้วนเป็นพื้นที่ที่ถูกมองว่าไม่สามารถทำการพัฒนาที่ดินหรือเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการอสังหาริมทรัพย์ใดๆ ได้ ทั้งนี้ ลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลถูกออกแบบขึ้นให้เหมาะกับการว่ายน้ำและฝึกฝนกีฬาทางน้ำอื่นๆ จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและเหมาะสมกับโครงการอสังหาริมทรัพย์และสถานที่ท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง
ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความประหยัดพลังงาน
เทคโนโลยีอันโดดเด่นที่ถูกนำมาพัฒนาในโครงการในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซียเมื่อเร็วๆ นี้ สร้างความแตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นๆ ด้วยความสามารถในการสร้างลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลขนาดใหญ่ให้มีคุณสมบัติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ คริสตัล ลากูนส์ นั้นสามารถสัมผัสได้ผ่านคุณสมบัติที่โดดเด่นต่างๆ ของลากูน ทั้งในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามารถในบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เช่น ปริมาณน้ำและพลังงาน อีกทั้งยังสามารถใช้น้ำได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืด น้ำเกลือ และน้ำกร่อย นอกจากนี้ คริสตัล ลากูนส์ ยังใช้สารเคมีน้อยกว่าระบบสระว่ายน้ำแบบดั้งเดิมถึง 100 เท่า และใช้พลังงานเพียงร้อยละ 2 ของพลังงานที่ใช้โดยเทคโนโลยีการกรองน้ำแบบดั้งเดิม
ลากูนขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลเหล่านี้ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัย เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้ผ่านมาตรฐานคุณภาพน้ำระดับสากลที่เข้มงวดที่สุด ซึ่งทำให้น้ำที่ใช้มีความปลอดภัยสำหรับการบริโภคของมนุษย์
ลากูนขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลนี้ใช้ปริมาณน้ำเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำที่ใช้ในสวนสาธารณะที่มีขนาดเท่ากัน และน้อยกว่าปริมาณการใช้น้ำในสนามกอล์ฟ (ขนาด 18 หลุม) ถึง 30 เท่า ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งคือ การก่อสร้างลากูนใช้พื้นที่น้อยกว่าการก่อสร้างสนามกอล์ฟ ทำให้เหลือพื้นที่ไว้สำหรับจุดประสงค์อื่นๆ ในขณะเดียวกัน คริสตัล ลากูนส์ ได้ใช้ระบบกรองน้ำแบบอัลตร้าโซนิค ซึ่งทำให้สามารถใช้พลังงานน้อยกว่าระบบการกรองน้ำแบบดั้งเดิมถึง 50 เท่า ซึ่งทั้งหมดนี้คือที่มาของการที่ คริสตัล ลากูนส์ สามารถใช้พลังงานในระดับต่ำได้
ด้วยความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ทรัพยากร คริสตัล ลากูนส์ จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ลดปริมาณการระเหยของน้ำ และใช้ระบบการวัดและส่งข้อมูลทางไกลในการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพคุณภาพของน้ำจากศูนย์ควบคุม ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ
นอกจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว คริสตัล ลากูนส์ ยังมีการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น
ระบบการทำความเย็นวงจรปิดแบบยั่งยืน ซึ่งทำให้ลากูนขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลสามารถรักษาอุณหภูมิอุ่นไว้ได้ตลอดทั้งปี
ด้วยการนำความร้อนส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากครัวเรือน ก๊าซเรือนกระจก หรือกระบวนการผลิตน้ำดื่ม ทำให้สามารถตั้งโรงไฟฟ้าห่างไกลจากบริเวณชายฝั่งได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่ติดริมทะเล
ด้วยแนวคิดอนุรักษ์ธรรมชาตินี้เอง ทำให้เทคโนโลยีของ คริสตัล ลากูนส์ ได้รับสิทธิบัตรจากสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา ด้วยโครงการฟาสต์แทร็กสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รางวัลและเป็นที่ยอมรับ
เทคโนโลยีซึ่งมีคุณสมบัติการพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยในสหรัฐอเมริกานั้นได้รับการจดสิทธิบัตรโดยสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐฯ ผ่านโครงการฟาสต์แทร็กสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก คริสตัล ลากูนส์ ได้ทำประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของโลก ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ คริสตัล ลากูนส์ เพิ่งได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประจำปี 2558 ด้วย
นวัตกรรมดังกล่าวได้รับการยอมรับและตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์กว่า 3,000 ฉบับทั่วโลก รวมถึงในสื่อสากลที่มีชื่อเสียงอย่าง เนชั่นแนลจีโอ กราฟฟิก (National Geographic) ซีเอ็นเอ็น (CNN) บลูมเบิร์ก (Bloomberg) ป๊อปปูลาร์เมคานิกส์ (Popular Mechanics) แอนนิมอลแพลนเน็ต (Animal Planet) อินเตอร์เนชั่นแนลบิสสิเนสไทมส์ (International Business Times) บลูมเบิร์กเทเลวิชั่น (Bloomberg Television) เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล (The Wall Street Journal) บีบีซี (BBC) รอยเตอร์ส (Reuters) รีดเดอร์สไดเจสท์ (Reader's Digest) และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ แนวคิดการ "รักษ์สิ่งแวดล้อม" ของ คริสตัล ลากูนส์ ยังได้ถูกเปิดตัวไปแล้วกับโครงการเอ็กซ์คลูซีฟวิลล่าสุดหรู "มหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน" ในประเทศไทย และโครงการ "บินตัน เทรเชอร์ เบย์" ในประเทศอินโดนีเซีย
"ด้วยแนวคิดและเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของ คริสตัล ลากูนส์ ทำให้วิถีชีวิตริมหาดในอุดมคติเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับโครงการของเราที่ได้รับการเปิดตัวไปแล้วในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกันนี้ยังแสดงให้เห็นแนวคิดสำคัญอย่างความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ คริสตัล ลากูนส์ ซึ่งสัมผัสได้ทั้งในขั้นตอนการสร้างและการบำรุงรักษาลากูน ตลอดจนปรัชญาของบริษัทเราที่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญในการลดต้นทุนและการลดปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งล้วนก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกต่อโลกของเรา" มร. ไฮเม ริเวรา ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ คริสตัล ลากูนส์ กล่าว
เกี่ยวกับ คริสตัล ลากูนส์
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ คริสตัล ลากูนส์ ในตลาดโลกเป็นเครื่องยืนยันว่าการส่งออกนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีนี้มีมูลค่าเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาไม่ถึง 7 ปี และมีผลงานมากถึง 300 โครงการทั่วโลก ทั้งในด้านชุมชนเมือง สถานที่ท่องเที่ยว และโครงการสาธารณะ ซึ่งแต่ละโครงการกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาที่แตกต่างกัน ในปัจจุบัน ทางบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลกมากมาย และกำลังดำเนินโครงการอยู่ถึง 5 ทวีป ในกว่า 60 ประเทศ ทั้งสเปน สหรัฐฯ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ ไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จอร์แดน เม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา โคลอมเบีย เปรู ปารากวัย อุรุกวัย ชิลี และอื่นๆ ทั้งนี้ เทคโนโลยีของคริสตัล ลากูนส์ ได้รับการจดสิทธิบัตรใน 160 ประเทศ เนื่องจากสามารถสร้างและควบคุมระบบลากูนคริสตัลในขนาดต่างๆ ได้ด้วยเงินทุนที่ต่ำ สามารถเปลี่ยนภูมิทัศน์ในพื้นที่เดิมให้เป็นราวหาดแห่งสวนสวรรค์อันสวยงาม กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่โดดเด่นและสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์และสถานที่ท่องเที่ยวทุกหนแห่ง แนวคิดสุดล้ำนี้เองที่ทำให้ คริสตัล ลากูนส์ ได้รับรางวัลและเป็นที่ยอมรับมากมายจากสถาบันอันทรงเกียรติและจากสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลก อีกทั้งเทคโนโลยีดังกล่าวยังถือเป็นนวัตกรรมที่ปฏิวัติการใช้พลังงานและผลิตน้ำทั่วโลก ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมประยุกต์ในแบบอื่นๆ สำหรับระบบระบายความร้อนแบบหมุนเวียนที่ยั่งยืนและโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ตลอดจนอุตสาหกรรมการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Desalination) และการบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ (Purification) ได้ในต้นทุนที่ต่ำ
เว็บไซต์: www.crystal-lagoons.com; www.fernandofischmann.com
วิดีโอเกี่ยวกับ คริสตัล ลากูนส์:https://www.youtube.com/watch?v=vb1iVpfpi1M