ประมวลกิจกรรมและบูธบลจ. ในงาน SET in the City 2005 บลจ.ชูกองทุน RMF/LTF ตบเท้าเสนอกองทุนใหม่

ข่าวทั่วไป Monday November 21, 2005 14:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บลจ.หอบกองทุน LTF/ RMF เสนอนักลงทุน พร้อมเปิดตัวกองทุนใหม่ ทั้งกองทุนคุ้มครองเงินต้น กองทุน FIF กองทุนตราสารหนี้ ฉีกแนวแยกจับลูกค้า อัดสัมมนาความรู้คู่การลงทุน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มหกรรมการลงทุนครบวงจร SET in the City 2005 ซึ่งมีแนวคิดหลัก (Theme) ในการจัดงาน “30 ปีตลาดทุนไทย ครบทุกเงื่อนไขการลงทุน” มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนตอบสนองแนวคิดหลักของงาน ที่มุ่งเน้นให้ผู้ลงทุนรับรู้ข้อมูลและเข้าใจการลงทุนในหุ้น พันธบัตร ตราสารอนุพันธ์ และกองทุนรวม ด้วยการนำกองทุนใหม่มาจำหน่ายให้กับนักลงทุนที่สนใจ
นอกจากกองทุนใหม่ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมนำมาเสนอแก่นักลงทุนและผู้ที่สนใจแล้ว ยังได้เตรียมของที่ระลึก และของสมนาคุณ เพื่อมอบให้กับผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนและเข้าเยี่ยมชมบูธ พร้อมไปกับการนำกองทุน LTF และ RMF ที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีมานำเสนอให้กับผู้ที่สนใจอีกด้วย
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) มาพร้อมแนวคิด “เราทำเงิน ให้ทำงาน” เน้นความเป็นผู้นำในธุรกิจจัดการกองทุนที่อยู่คู่กับตลาดทุนไทยซึ่งครบรอบ 30 ปี ขณะเดียวกันกับเน้นความเป็นกันเอง ผ่อนคลายเข้ากับแนวคิดหลักของบลจ.คือ ให้บลจ.เป็นผู้บริหารเงินให้ทำงาน ขณะที่นักลงทุนสามารถใช้ชีวิตได้ตามอย่างที่ต้องการ โดยเน้นนำเสนอกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) พร้อมเสนอขายกองทุนใหม่เริ่มต้นในวันงาน คือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีคุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-CR) ที่เสนอขายตั้งแต่วันที่ 17-30 พฤศจิกายน 2548
นอกจากนั้น ยังทำการเสนอขายกองทุนเปิด เอ็มเอฟซี หกหก โรลโอเวอร์ (M-66R) เป็นกองทุนเปิดคุ้มครองเงินต้นที่มีอายุโครงการ 6 เดือน 6 วัน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายในวันที่ 14-29 พฤศจิกายน 2548 จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท รวมทั้งเน้นการแนะนำกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) สำหรับนักลงทุนทั้งการลงทุนในตราสารทุน และตราสารหนี้
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด เน้นความเป็น K Group โดยให้ความสำคัญกับแนวคิดสุขภาพดี (Healthy) ควบคู่กับการมีฐานะทางการเงินที่ดี (Wealthy) ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องและมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้น การออกแบบบูธจึงเน้นความโปร่งสบาย สะอาดตา โดยวัตถุประสงค์หลักในการออกบูธครั้งนี้ คือ การสร้างฐานความรู้และความเข้าใจด้านการลงทุนที่ถูกต้องแก่ลูกค้า
ทั้งนี้ ทำการเปิดเสนอขายกองทุนรวงข้าวหุ้นระยะยาว 70: 30 ปันผล ประเภทซื้อคืนหน่วยลงทุน เป็นครั้งแรกภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 17-25 พฤศจิกายน 2548 และกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 12/49 กองทุนรวมตราสารหนี้ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เสนอขายหน่วยลงทุนในวันที่ 17-28 พฤศจิกายน 2548 อายุโครงการ 10 เดือนแต่ไม่เกิน 13 เดือน
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของการลงทุน RMF และ LTF นอกจากสามารถลดหย่อยภาษีได้ 37% แล้วยังได้บุญ โดยบลจ.จะนำรายได้ประมาณ 50% จากค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนไปบำรุงสภากาชาดไทย จากการสำรวจความต้องการของผู้ลงทุนส่วนใหญ่
นอกจากนั้น บลจ.ยังให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ K-ASSET Saving Plan ซึ่งถือเป็นการสร้างวินัยการลงทุน ด้วยแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และมีความสะดวกโดยหักจากบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย และสามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายตามความต้องการ
ขณะที่บลจ.อยุธยาเจเอฟมาพร้อมกับแนวคิด Financial Fitness เปรียบเทียบการลงทุนกับการบริหารสุขภาพกายด้วยโปรแกรม 3 ขั้นตอน เริ่มต้นการบริหารร่างกายหรือบริหารการลงทุนกับการลงทุนพื้นฐานอย่างกองทุน RMF และ LTF ขั้นตอนต่อมาเพิ่มความฟิตกับกองทุนรวมตราสารหนี้ Cash Management Fund และขั้นตอนสุดท้ายเสริมกล้ามให้แข็งแรงกับการลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุน
บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จากการร่วมงาน SET in the City มาหลายปีแล้ว นับว่า ING เป็นที่รู้จักแล้วแพร่หลายมาก ดังนั้นในปีนี้จึงเน้นการนำเสนอ กองทุน LTF และ RMF แต่ที่พิเศษกว่าปีอื่น คือได้เปิดตัวกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หอพักนักศึกษา ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ด้วย เพื่อระดมทุนและนำเงินลงทุนสร้างหอพักนักศึกษาที่จังหวัดมหาสารคาม เพราะปริมาณนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น จากการได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐให้เป็นศูนย์การศึกษาแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่หอพักที่ได้มาตรฐานมีไม่เพียงพอ จึงเห็นว่าเป็นการลงทุนที่ดี
กองทุนนี้จะนำเงินไปสร้างหอพักและให้นักศึกษาเช่า และกองทุนจะนำรายได้มาเป็นเงินปันผลให้ผู้ลงทุนทุกปี ปีละ 1 ครั้ง อัตราผลตอบแทนประมาณ 10% —12%
บลจ. ทหารไทย เน้นการนำเสนอ กองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ จะเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์หรือหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุน และมีกองทุนเปิด JUMBO 25 เป็นการลงทุนในธุรกิจขนาดใหญ่ทีมีรายจ่ายเงินปันผล กองทุนรวมหุ้นระยะยาว กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ กองทุนเปิดทหารไทย SET50 โดยจะเน้นการเป็นที่ปรึกษา
บลจ.ไทยพาณิชย์ ไม่เน้นกิจกรรมภายในบูธ แต่จะเน้นด้านการให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน เช่น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมดัชนี และยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เซ็ท อินเด็กซ์ ฟันด์ และยังให้ความรู้เกี่ยวกับ การบริหารหลากหลายครบวงจร บริการด้านวาณิชธนกิจ บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บริการด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์
ขณะที่บลจ.ทิสโก้ ให้ความสำคัญด้านการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้า และการสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยเน้นความเป็นมืออาชีพที่สามารถจับคู่กองทุนที่เหมาะสมกับลูกค้า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าได้ในแต่ละราย รวมทั้ง ความเป็นมืออาชีพด้านบทวิเคราะห์ที่เจาะลึก เพื่อเป็นข้อมูลการลงทุนจากสายวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีความชำนาญการ
ส่วนบลจ.วรรณ เน้นความทันสมัยขึ้นเพิ่มรับกับการเปิดตัวกองทุนใหม่ที่มีการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นการขยายการลงทุนที่มีความครอบคลุมและกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเน้นเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอคควิตี้ (1 AM-GEM) ที่เน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในต่างประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกที่มีศักยภาพ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ซึ่งมีระยะเวลาการเสนอขายระหว่างวันที่ 17-30 พฤศจิกายน 2548
รวมทั้ง กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มคุ้มครองเงินต้นปันผล ซึ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล มีระยะเวลาการเสนอขายระหว่างวันที่ 11-18 พฤศจิกายน 2548 และเน้นนำเสนอกองทุน RMF และ LTF สำหรับนักลงทุน ขณะเดียวกับการเน้นด้านความรู้ ความเข้าใจทางการลงทุนสำหรับนักลงทุนด้วยงานสัมมนาจากวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการลงทุน
สำหรับบลจ.บีที เน้นเสนอขายหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดไทย RMF คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดไทย LTF ดับเบิลเซเล็คทีฟหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมไทยธรรมคุ้มครองเงินต้น 3 และ 4 โดยตั้งเป้าทั้ง 3 กองทุนประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าสามารถสำเร็จตามเป้าหมาย นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ ด้วยการมีแบบคำนวณภาษีอย่างคร่าวๆเพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่าย
ขณะที่บลจ.อเบอร์ดีน ให้ความสำคัญกับการลงุทนในระยะยาวด้วยการนำเสนอผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของบริษัท รวมทั้งฐานข้อมูลระบบการวิเคราะห์ที่มีอยู่ครอบคลุมทั่วโลก โดยเน้นการนำเสนอกองทุน RMF และ LTF รวมทั้งกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศคือ กองทุนรวม ABAPAC ที่มีการลงทุนไปทั่วโลก
ทางด้านบลจ.ธนชาต นั้น ได้จัดพนักงานมาประจำบูธ เพื่อให้ความรู้กับประชาชนที่มาชมภายในบูธ โดยจะให้ข้อมูล 4 ส่วน รวมธุรกิจทุกด้านในเครือธนชาต ประกอบด้วย ธุรกิจธนาคาร หลักทรัพย์ ประกันภัย- ประกันชีวิต และ จัดการกองทุน ส่วนของธุรกิจจัดการกองทุนนั้น ได้นำเสนอกองทุน RMF และ LTF พร้อมกับกองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH) โดยจะเน้นการลงทุนระยะสั้นในตราสารที่มีคุณภาพเท่านั้น คือลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ตราสารหนี้ และตราสารการเงิน โดยผู้ออกตราสารต้องมีฐานะการเงินที่มั่นคง และธนชาตจะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ สามารถลงทุนเพิ่ม หรือไถ่ถอนได้ทุกวันทำการ--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ