กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--เดอะเมอร์คิวรี่ อาร์ต แกลเลอรี่
นิทรรศการ 60 ปี ช่วง มูลพินิจ จิตรกร เป็นงานแสดงผลงานศิลปกรรมย้อนหลัง ของอาจารย์ ช่วง มูลพินิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2504-2543 โดยรวบรวมผลงานกว่า 80 ชิ้น จัดขึ้น ณ เดอะเมอร์คิวรี่ อาร์ต แกลเลอรี่ ตรงข้ามเซ็นทรัล ชิดลม โทร.658-6226-7 ตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน - 24ธันวาคม 2543
แนวคิดในการทำงานศิลปะ โดย อาจารย์ ช่วง มูลพินิจ
ศิลปะที่แท้จริงเกิดจากความพอดี ความพอดีทำการเนรมิตรศิลปกรรม สมบูรณ์แบบเหนือกาลเวลา
ศิลปะที่แท้จริงสูงส่งด้วยคุณค่า มิใช่ราคา ทองคำหนึ่งกิโลกรัม มีราคามากกกว่า ดินหนึ่งกิโลกรัม แต่ดินหนึ่งกิโลกรัม เมื่อเนรมิตเป็นงานศิลปกรรมที่แท้จริงแล้ว ย่อมมีคุณค่ามากกว่า ทองหนึ่งกิโลกรัม มากมายมหาศาลนัก
ช่วง มูลพินิจ
ศิษย์เก่าฯ คณะจิตรกรรม-ประติมากรรม รุ่น 17 (2503)
ช่วง มูลพินิจ เด็กหนุ่มเลือดน้ำเค็มผู้ชอบการเขียนรูปอย่างเป็นชีวิตจิตใจ ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้าเรียนศิลปะอย่างที่ใจต้องการ ปี 2501 และฝันของเขาเป็นจริงเมื่อสอบเข้าโรงเรียนศิลปศึกษาซึ่งเป็นเตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นรากเหง้าของวิทยาเขตช่างศิลป์ปัจจุบัน
ตลอดเวลาการศึกษาในคณะจิตรกรรม-ประติมากรรม ซึ่งดำเนินหลักสูตรการศึกษาแบบขนานแท้ของอาจารย์ศิลป์ โดยอาจารย์เป็ยผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดนั้น ช่วง ได้ยึดถือต้นแบบและขมักเขม้นฝึกฝนอย่งเอาจริงเอาจัง งานของเขาในขณะศึกษาจึงเป็นเรื่องราวของการทดสอบค้นคว้าและหาหนทางเมื่อสิ้นยุคของอาจารย์ศิลป์ ช่วง จึงขอจบบทบาทของตัวเองในฐานะนักศึกษามหาวิทยาศิลปากรด้วยวุฒิบัตรอนุปริญญา เขาออกไปผจญกับโลกพานิชศิลป์ ทั้งเป็นลูกจ้างกระทรวงอุตสาหกรรมและทั้งแวดวงนักโฆษณา ด้วยสติที่มั่นคงพร้อมวิญญาณที่ช่วงยึดมั่นในการอุทิศให้กับศิลปะ ช่วงปล่อยกายไปตามครรลองของการดำเนินชีวิตอยุ่ไสักพัก เขาได้ใช้ประสบการณ์ของกราฟฟิคอาร์ตที่ได้มาจากพานิชย์ศิลป์ใส่สุนทรีย์อารมณ์ของความเป็นศิลปินผนวกเข้าไป สร้างงานศิลปะที่เป็นลายเส้นอันครบครันด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่นานนักชื่อของช่วง มูลพินิจ ก็แพร่หลายเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งวงการ ทำให้เขาสามารถปลดแอกของการเป็นลูกจ้างรับเงินรายเดือนมาสู่การเป็นศิลปินอิสระที่ยืนหยัดมั่นคงด้วยสองขาของตนเองจน..ตราบทุกวันนี้
สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องพิเศษซึ่งผู้อยู่ในวงการแกลลอรี่มักไม่ค่อยทราบว่า ช่วงมีพรสวรรค์อันล้ำลึกทางด้านสร้างสรรค์งานให้พุทธศาสนา เช่น
- ออกแบบพระประธานพระธรรมกาย ณ วัดธรรมกาย อ.คลอหลวง จ.ปทุมธานี
- ออกแบบและปั้นพระพุทธอภัยมงคลสามัคคีที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชทรงสร้างขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อนำ ไปพระราชทานแต่ทุกจังหวัดในวโรกาสเฉลิมรัตนโกสินทร์ 200 ปี
- ออกแบบอุโบสถวัดเขาดินวนราราม อ.เมือง จ.ชุมพร
- ออกแบบประติมากรรมและจิตรกรรมประดับวัดธรรมมงคล 101 สุขุมวิท ฯลฯ
ขณะนี้ ช่วง มูลพินิจ ได้สร้างพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวเป็นอาคาร 3 ชั้น เก็บรวบรวมงานของเขาไว้แสดงในบริเวณบ้านเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาและจะเปิดให้เข้าชมโดยไม่คิดค่าตอบแทน ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายใหม่ที่ศิลปินผู้ได้รับอนิสงส์จากการทำงานศิลปะได้นำผลพวงเหล่านั้นกลับมาลงทุนแทนที่จะเสพความสุขส่วนตัวทั้งหมด คืนกลับมาให้สังคมอย่างน่าชื่นชม ช่วง มูลพินิจ จึงเป็นศิษย์เก่าศิลปากรที่นำความภาคภูมิในสู่..เส้นทาง..ศิษย์เก่าฯ อย่างไร้ข้อกังขา
หมายเหตุ : คอลัมน์..เส้นทาง..ศิษย์เก่า ยินดีรับข่าวสารของศิษย์เก่าเพื่อนำลงเป็นแนวทางให้ผู้ที่ออกจากรั้วศิลปากรได้มีโอกาสรับรู้เส้นทางดำเนินชีวิตหรือเป็นแบบอย่างสำหรับเป็นกำลังใจให้ลุกขึ้นสู้กับหนทางข้างหน้าที่ยังมีความหวัง...โดยจะนำเรื่องราวของศิษย์เก่าเท่าที่จะติดตามได้มาลงเป็นประจำ
ช่วง มูลพินิจ
เกิด : 7 ธันวาคม พ.ศ. 2483, สมุทรสงครามที่อยู่ : 79/629-630 หมู่บ้านธารารมณ์ ซ.8/1 ถ.รามคำแหง150 แขวง/เขตสะพานสูง ก.ท.ม.10240
โทรศัพท์ 372-0961 โทรสาร 728-0758การศึกษา : พ.ศ.2503 จบโรงเรียนศิลปศึกษาเตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร
: พ.ศ.2505 จบอนุปริญญาคณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากรอาชีพ : ศิลปินอิสระประวัติการแสดงงานนิทรรศการเดี่ยว : พ.ศ.2513 มินิ-เมนิ สยามสแควร์
: พ.ศ.2519 สถาบันวัฒนธรรมเยอรมัน
: พ.ศ.2523 สถาบันวัฒนธรรมเยอรมัน
: พ.ศ.2530 หอศิลปแห่งชาติถนนเจ้าฟ้า
: พ.ศ.2530 โรงแรมอิมพีเรียล
: พ.ศ.2543 ห้องแสดงศิลปกรรมศยาม จ.ภูเก็ตนิทรรศการกลุ่ม : พ.ศ.2524-พ.ศ.2543 ในประเทศและต่างประเทศ (จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อเมริกา)ผลงานศิลปะทางพุทธศาสนาพ.ศ.2524 : ออกแบบพระประธานพระธรรมกาย วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานีพ.ศ.2525 : ออกแบบและปั้นพระพุทธอภัยมลคงสมังคีที่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ทรงสร้างถวายสมเด็จพระจ้าอยู่หัวฯ เพื่อนำไปพระ
ราชทานแก่ทุกจังหวัดในวโรกาส เฉลิมฉลองรัตนโกสินทร์ 200 ปีพ.ศ.2526 : ออกแบบและควบคุมภาพปั้นนูนต่ำ ขนาน 12x27 เมตร 2 ภาพ (ภาพปฐมเทศนา และภาพมารผจญ)
ประดับพระมหาเจดีย์วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 ก.ท.ม.พ.ศ.2528 : ออกแบบและควบคุมภาพปั้นนูนต่ำปฏิปทาของท่านพระอาจารย์ วัน อุตตโม โดยรอบพิพิธภัณฑ์ของพระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรง
ธรรม จ.สกลนครพ.ศ.2532 : ออกแบบอุโบสถวัดเขาดินวนาราม อ.เมือง จ.ชุมพรพ.ศ.2534 : ออกแบบพระพุทธประธานที่มรูปลักษณ์เหมือนคนจริงให้บริษัทบุญรอดบริเวอรี่พ.ศ.2535 : ออกแบบเจดีย์ที่ระลึก หลวงปู่คำดี วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลยพ.ศ.2536 : ออกแบบพระพุทธวิสุทธิธรรมกายนิมิตร วัดราชโอรสพ.ศ.2539 : ออกแบบจิตรกรรมฝาผนังภายใน โดมมหาวิหาร พระไตรปิฎกหินอ่อน พุทธมณฑลพ.ศ.2541 : ออกแบบและควบคุม การปั้นหล่อพระนาคปรกจอมปลวก เศียรเดียว ขนาด 2 เท่า คนจริง
ผลงานอื่นๆพ.ศ.2534 : ออกแบบภาพปั้นนูนต่ำ "นักรบที่แท้จริง" ขนาด 6X2 เมตร ติดตั้งที่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์มติชนพ.ศ.2538 : ออกแบบและควบคุมการปั้น "สิงโตคู่" ปฏิมากรรมโลหะสำริด ติดตั้งที่สำนักงานใหญ่ธนาคารกสิกรไทย (ขนาดแต่ละตัวยาว 3.50 เมตร กว้าง 2.50 เมตร น้ำหนัก 5 ตัน)
หลังจากจบชั้นมัธยมที่บ้านเกิดจังหวัดสมุทรสงคราม ช่วง มูลพินิจ ได้เข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนศิลปศึกษา(ช่างศิลป์) 2 ปี หลังจากนั้นก็เข้ามาเป็นนักศึกษาคณะจิตรกรรมและปฏิมากรรมมหาวิทยาลัยศิลปากร ขณะเรียนก็ทำงานรับจ้างทำฉากภาพยนต์ เขียนภาพฝาผนัง และงานศิลป์ต่างๆ เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย จนจบอนุปริญญา จิตรกรรมปฏิมากรรม
เขาเริ่มต้นทำงานที่ศูนย์ออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ตำแหน่งช่างออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องเขิน ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นี่ได้รับการชักชวนจาก สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ให้มาเขียนภาพลายเส้นประกอบในหนังสือสยามสมัย ซึ่งทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียงโดดเน่นขึ้นมา และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วยผลงานเขียนลายเส้นฟรีแฮนด์ที่มีแบบฉบับเฉพาะตัว และต่อมาได้มาเขียนภาพปกและภาพประดับในหนังสือและนิตยสารต่างๆ เช่น ช่อฟ้า ชาวกรุง เฟื่องนคร สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ช่วง มูลพินิจ ทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ 9 ปี ก็ลาออกจากราชการมาทำงานที่บริษัทโฆษณาอยู่ 3 ปีหลังจากนั้นก็ออกมาเป็นศิลปินอิสระ
ผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดีอีกประเภทหนึ่งของช่วงคือ งานออกแบบตัวหนังสือชื่อเรื่องและโปสเตอร์ภาพยนต์ไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องในแนววรรณคดีหรือเรื่องพื้นบ้านไทยสมัยเก่า เช่น แผลเก่า เลือดสุพรรณ เพื่อน-แพง ไกรทอง กากี พระรถ-เมรี งานโปสเตอร์หนังเรื่องเพื่อน-แพง ได้รับเลือกเป็นโปสเตอร์ที่งามที่สุดในโลก ในการส่งเข้าประกวดทีสถาบันโรงภาพยนต์แห่งชาติ กรุงลอนดอน เมื่อปี พ.ศ.2526
งานของช่วงในระยะแรกเริ่มเป็นภาพวาดลายเส้นที่ประยุกต์ความอ่อนช้อยของลายไทย เข้ากัยรูปทรงแบบเหมือนจริงได้อย่างกลมกลืน ต่อมาจึงได้พัฒนามาใช้เทคนิคสีน้ำและสีน้ำมัน แต่ยังคงเอกลัษณ์เรื่องลายเส้นอ่อนช้อย ผสมผสานเข้ากับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ความงามของงานศิลปะที่ช่วงได้เนรมิตขึ้น แสดงถึงความสนใจในวิถีของธรรมชาติและวิถีของพุทธศาสนา จากพื้นฐานชาวเกษตรกรของเขาแต่ดั้งเดิม งานส่วนใหญ่ของเขา แสดงเรื่องราวของดอกไม้ แมลง สัตว์ มนุษย์ ทั้งในแง่อีโรติค จนกระทั่งถึงนัยการมองเห็นในวัฏสงสารของชีวิต ช่วง มูลพินิจได้ผนึกเรื่องราวทางอุดมคติกับธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม แนบเนียน และลงตัว
บางครั้งเขาก็นำเรื่อราวจากศาสนาและวรรณคดีมาสร้างจินตนาการใหม่ ทำให้งานศิลปะของเขามีรูปแบบหลากหลายจนยบากที่จะให้คำจำกัดความว่างานของเขาจัอยุ่ในประเภทใด บางคนบอกว่างานของเขาเป็นแนวไอเดียลิสติค ผสมผสานกับแฟนตาซี งานลายเส้นขาวดำ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ ช่วง มูลพินิจ นั้น บางคนก็บอกว่าคล้ายกับงานลายเส้นของ ออเบรย์ เบียตสลีย์ ศิลปินสมัยวิคตอเรียน รงษ์ วงศ์สวรรค์ นักเขียนผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองไทย ให้ฉายาเขาว่า จิตรกรผู้มองเห็นมดยิ้มสวย
ต้องการข้อมุลเพิ่มเติม หรือต้องการนัดสัมภาษณ์ศิลปิน โปรดติดต่อ เดอะเมอร์คิวรี่ อาร์ต แกลเลอรี่ โทร.658-6226-7 (คุณ เปิ้ล หรือ คุณ นก)--จบ--
-อน-