กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--กองทุนการออมแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ณ บริเวณห้องโถงชั้น 1 อาคารอำนวยการ สำนักงานประกันสังคม (สำนักงานใหญ่) ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี ได้จัดให้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ แสดงความจำนงโอนไปเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ และการโอนเงินของผู้ประกันตนจากกองทุนประกันสังคมไปเป็นเงินสะสมในบัญชีรายบุคคลกับกองทุนการออมแห่งชาติ ระหว่าง นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กับ นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฯ
นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานประกันสังคม กับกองทุนการออมแห่งชาติ ในวันนี้ เพื่อร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ แสดงความจำนงโอนไปเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ และการโอนเงินของผู้ประกันตนจากกองทุนประกันสังคมไปเป็นเงินสะสมในบัญชีรายบุคคลกับกองทุนการออมแห่งชาติ รวมถึงการให้สิทธิแก่ผู้ประกันตนสมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ และการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2558 และการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามในส่วนรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ดังกล่าวมีเนื้อหาสำคัญ เช่น สำนักงานประกันสังคมจะโอนข้อมูล และเงินของผู้ประกันตนที่แสดงความจำนง ไปเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ ทั้งจำนวนประกอบด้วยเงินสมทบทั้งหมดของผู้ประกันตน เงินอุดหนุนรัฐบาลที่ได้รับแล้ว รวมทั้งผลประโยชน์ตอบแทน และเงินสมทบล่วงหน้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากกองทุนประกันสังคมมาเป็นเงินสะสมในบัญชีรายบุคคลของสมาชิกรายนั้นให้กองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งหลังจากลงนามข้อตกลงในครั้งนี้จะโอนข้อมูลดังกล่าวให้เดือนละหนึ่งครั้งภายในวันที่ 20 ของเดือนถัดจากเดือนที่ผู้ประกันตนได้ยื่นแบบแสดงความจำนงและสิ้นสุดการโอนผู้ประกันตนในวันที่ 20 เมษายน 2559
นายโกวิท สัจจวิเศษ กล่าวต่อไปว่า ในกรณีผู้ประกันตนประสงค์จะโอนไปเป็นสมาชิก กอช. ให้ยื่นแบบแสดงความจำนง (สปส.- กอช.) ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ /สาขา/จังหวัด ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 มีนาคม 2559
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือระหว่างสำนักงานประกันสังคมกับกองทุนการออมแห่งชาติ ต่างมีเป้าหมายเดียวกันที่จะสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมระบบการออมของคนไทยทุกภาคส่วน รวมถึงแรงงานนอกระบบ เพื่อการดำรงชีพยามชราภาพของประชาชนให้มีประสิทธิภาพ มีหลักประกัน และมีโอกาสสะสมเงินไว้ใช้ในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป โดยผู้ประกันตนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน โทร.1506 ให้บริการ 24 ชม. www.sso.go.th
ด้านนายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า ผู้ประกันตนที่ใช้สิทธิการโอนเงินบำนาญชราภาพจากมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 มาที่กองทุนการออมแห่งชาติ ผู้นั้นจะเข้าเป็นสมาชิก กอช. และรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทันที โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ที่ให้ผลระยะยาวก็คือ เงินก้อนนี้จะเป็นเงินตั้งต้นของการออม ที่ กอช. จะนำเอาไปลงทุนหาผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยทบต้นให้ จนเงินออมของสมาชิกมีมูลค่ามากขึ้น และเมื่อครบระยะเวลาของการออมกับ กอช. เงินที่โอนมาจากประกันสังคมก้อนนี้ ก็จะถูกนำไปรวมคำนวณหายอดเงินบำนาญรายเดือนที่จะได้รับในอนาคต ทำให้มีโอกาสสูงที่สมาชิกจะได้รับบำนาญไปตลอดชีวิต
"กอช. คือกองทุนการออมภาคสมัครใจ เป็นกองทุนบำนาญเพื่อแรงงานนอกระบบที่ห่วงใยชีวิตยามเกษียณของตนเอ ซึ่งมีจำนวนมากที่กังวลว่าในอนาคตถ้าไม่มีแรงหาเงินไม่มีรายได้แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลตัวเอง โดยรัฐบาลได้ช่วยออมให้ประชาชนด้วยโดยการสมทบเงินให้กับสมาชิกตลอดช่วงระยะเวลาของการออม เมื่อออมครบระยะเวลาเมื่อไหร่ กอช. ก็จะเริ่มจ่ายเงินคืนสมาชิกเป็นรายเดือนไปจนตลอดชีวิต หรือ จนกว่าเงินของสมาชิกจะหมด อย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่ว่าปริมาณเงินออมที่มีอยู่ของสมาชิกคนนั้นจะมีจำนวนมากพอที่ทำให้มีสิทธิได้รับบำนาญตลอดชีพหรือไม่ ซึ่งถ้าสมาชิกไม่อยากให้เกิดเหตุสลดคือเงินหมดก่อนตาย ก็ขอแนะนำว่าการโอนเงินที่ออมไว้ตั้งแต่ตอนเป็นผู้ประกันตนมาเป็นสมาชิก กอช. นั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสให้มีสิทธิได้รับบำนาญไปจนกว่าจะเสียชีวิต ไม่ต้องห่วงว่าถ้าเงินหมดเสียก่อนแล้วจะอยู่ต่อกันอย่างไร"
"สำหรับผู้ที่ต้องการโอนมาเป็นสมาชิก กอช. กฎหมายกำหนดให้แจ้งความจำนงต่อสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 23 มีนาคมนี้ ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักงานประกันสังคม และ กอช. จะเริ่มดำเนินการถ่ายโอนข้อมูลและเงินบำนาญชราภาพของผู้ประกันตน มาเป็นสมาชิก กอช. อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ประกันตนได้แจ้งความจำนงต่อประกันสังคมแล้ว สามารถติดต่อสมัครสมาชิก กอช. ที่ธนาคารซึ่งเป็นหน่วยรับสมัครทั้ง 3 แห่ง คือ ธนาคารกรุงไทย ออมสิน และ ธ.ก.ส. ได้เลยโดยไม่ต้องรอให้การถ่ายโอนข้อมูลแล้วเสร็จ เพื่อสมาชิกจะได้มีสิทธิออมและรับเงินสมทบจากรัฐบาลโดยเร็ว เมื่อเงินของสมาชิกถูกโอนมาเข้ากองทุนเรียบร้อยแล้ว กอช. จะมีหนังสือไปแจ้งให้ทราบตามที่อยู่ที่ให้ไว้ต่อไป" นายสมพรกล่าว
จากยุทธศาสตร์การดำเนินงานของรัฐบาลเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม มาตรการการออมโดยกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. คือภารกิจการดำเนินงานสำคัญที่รัฐบาลสนับสนุนให้แรงงานนอกระบบจำนวนกว่า 25 ล้านคนทั่วประเทศได้มีหลักประกันที่มั่นคงในยามชรา มีเงินบำนาญให้ใช้ไปตลอดชีวิต โดยสมาชิก กอช. สามารถออมเงินเข้ากองทุนได้ปีละไม่เกิน 13,200 บาท และรัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบให้ในอัตราขั้นบันไดตามช่วงอายุ คือ สมาชิกอายุตั้งแต่ 15 ปี – 30 ปี อายุยังน้อยมีเวลาออมนาน รัฐจะสมทบให้ก่อนปีละ 600 บาท เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป จนถึงอายุ 50 ปี รัฐจะสมทบให้มากขึ้นเป็น 960 บาทต่อปี ต่อมาช่วง 10 ปีสุดท้ายของการออมคืออายุ 50 ปีขึ้นไปจนถึง 60 ปี รัฐบาลจะสมทบให้เพิ่มเป็นปีละ 1,200 บาท ซึ่ง กอช. จะนำเงินออมของสมาชิกไปหาผลประโยชน์เป็นดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ ยิ่งมีวินัยส่งเงินออมและมีเวลาออมนานเท่าไหร่ จำนวนเงินบำนาญต่อเดือนที่จะได้รับในอนาคตก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น.
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการสมัครสมาชิก กอช. และข้อมูลสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกได้ที่ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โทร. 02-017-0789 กด 0 วันจันทร์-ศุกร์ 08.30 – 17.30 น. และที่ www.nsf.or.th และ facebook/กองทุนการออมแห่งชาติ หรือติดต่อที่หน่วยรับสมัครสมาชิก ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ