กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 องค์การบริหารนักศึกษาภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดกิจกรรม 14 กุมภา วันสถาปนาราชภัฏ กิจกรรมเริ่มจากพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ จำนวน 25 รูป ณ บริเวณลานธรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุธานันท์ โพธิ์ชาธาร
รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา ประธานในพิธี นำผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา ทำบุญตักบาตร
จากนั้นเป็นพิธีอัญเชิญโล่พระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณี จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อัญเชิญโล่พระราชทาน ส่งมอบให้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เพื่อครองโล่ในรอบครึ่งปีหลัง ตามกติกาการแข่งขันฟุตบอลประเพณี เนื่องจากผลการแข่งขันที่ผ่านมา ทั้งสองมหาวิทยาลัยทำประตูเสมอกัน
นอกจากนี้ภายในงานยังได้จัดให้มีพิธีเปิดกิจกรรม 14 กุมภา วันสถาปนาราชภัฏ ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วย การจัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของคำว่า "ราชภัฏ" การแสดงจาก นักศึกษาโปรแกรมวิชานาฏศิลป์ ชื่อชุด ราชภัฏชัชวาลย์ การมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะประกวดเขียนคำกลอน-เรียงความ ในหัวข้อเรื่อง "ราชภัฏของฉัน" และผู้ชนะการประกวดภาพถ่าย ในหัวข้อ "บางมุมใน ม." ณ บริเวณศูนย์รวมประกาศข่าว
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นสถาบันที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2466 สมัยที่ยังเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูมูลกสิกรรม จังหวัดนครราชสีมาได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับของท้องถิ่น อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานนามใหม่ว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และพระราชทานตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ให้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุนี้ จึงได้กิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อให้นักศึกษาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "ราชภัฏ" รวมทั้ง "ตราพระราชลัญจกร" เป็นเสมือนเครื่องกำกับทิศทาง ตอกย้ำอุดมการณ์ของ "ชาวราชภัฏ" ที่ต้องการเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ในการพัฒนาประเทศ และบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พี่น้องประชาชนชาวไทย ในฐานะ "ปราชญ์ของพระราชา" ดังนั้น ในทุกก้าวย่างต่อไปของชาวราชภัฏ จึงเป็นก้าวที่สำคัญในการเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น และเป็น "คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน" อย่างแท้จริง