กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต
ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ส่งเสริมการสร้างหลักประกันชีวิต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย เดินหน้าปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ช่องทางตัวแทน จัดพอร์ตสินค้าประกันชีวิตใหม่ ให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงวัย พร้อมมุ่งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านผลิตภัณฑ์ของตัวแทนให้ขายอย่างถูกต้อง มีจรรยาบรรณ และมีคุณภาพ ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า (Need-Based Selling) มุ่งเพิ่มอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ และการสร้างรากฐานความแข็งแกร่งของคุณภาพธุรกิจในระยะยาว ตอกย้ำภาพลักษณ์ "บริษัทประกันชีวิตที่คุณไว้วางใจ"
นายเคลิค หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานคณิตศาสตร์ประกันภัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFE กล่าวว่า ถึงแม้ธุรกิจประกันชีวิตจะยังคงมีโอกาสในการขยายตัวอีกมาก จากอัตราการถือครองกรมธรรม์ต่อจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ ที่มีอยู่เพียง 39% ตามรายงาน ณ สิ้นปี 2558 ของสมาคมประกันชีวิตไทย อีกทั้งทุกภาคส่วนต่างมุ่งพัฒนาแบบประกันและความคุ้มครองที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคตามเทรนด์ และกระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่า สำหรับผู้บริโภคไทย เรื่องประกันชีวิตยังคงเป็นเรื่องที่มีความเข้าใจยากและซับซ้อน รวมทั้งยังมีอีกหลายปัจจัยที่นำไปสู่การซื้อประกันชีวิตอย่างไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง ทั้งจากการซื้อด้วยความไม่เข้าใจในผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริง ซื้อเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างคนซื้อกับคนขาย ซื้อเพราะการขอร้อง ส่งผลให้ไม่ได้รับผลประโยชน์ความคุ้มครองจากการประกันชีวิตอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และไม่มีความเชื่อมั่นในประโยชน์ที่แท้จริงของการประกันชีวิต จนนำไปสู่การทิ้งหรือยกเลิกกรมธรรม์ในที่สุด
ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ทำการศึกษาวิจัยถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคไทยที่มีต่อการประกันชีวิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ ลูกค้าเลือกและไว้วางใจ และมุ่งสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับลูกค้าคนไทย ภายใต้แนวคิด "ประกันชีวิตเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน" โดยล่าสุดบริษัทได้ทำการปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของช่องทางตัวแทนประกันชีวิต โดยการจัดพอร์ตสินค้าแบบประกันชีวิตใหม่ (New Product Portfolio Management) ให้ง่าย (New Simplified) และสอดคล้องกับความต้องการแต่ละช่วงวัยของลูกค้า (Need Based Solution in Life stage) โดยแบ่งเซ็กเม้นต์ลูกค้าในแต่ละช่วงวัย ออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มคนโสด มีครอบครัว ไม่มีบุตร อายุช่วง 25-35 ปี / กลุ่มคนมีครอบครัวและมีบุตร อายุช่วง 35-45 ปี / กลุ่มเตรียมตัวเกษียณ อายุช่วง 45-55 ปี และสุดท้าย กลุ่มเกษียณ อายุ 55 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ บริษัทได้คัดสรรแบบประกันที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า และสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุมในแต่ละช่วงวัย พร้อมยกเลิกแบบประกันที่มีความซ้ำซ้อนออกไป โดยนำมาจัดพอร์ตการเสนอขายใหม่ เพื่อให้ง่ายทั้งด้านตัวแทนที่เสนอขายได้อย่างถูกต้อง และเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และง่ายสำหรับลูกค้าในการทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ และเห็นความเกี่ยวข้องระหว่างความต้องการในแต่ละช่วงชีวิตของตนกับประกันชีวิต ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารจัดการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ตามความต้องการของลูกค้า ออกเป็น 3 พอร์ตหลัก ได้แก่
Life SAVE (ประกันชีวิตเพื่อการออมทรัพย์) ประกอบด้วย 4 แบบประกัน ได้แก่ Life SAVE 12/5 คุ้มครอง 12 ปี ชำระเบี้ยเพียง 5 ปี, Life SAVE 20/7 คุ้มครอง 20 ปี ชำระเบี้ยเพียง 7 ปี, Life SAVE 20/10 คุ้มครอง 20 ปี ชำระเบี้ย 10 ปี และไม่ต้องตรวจสุขภาพ และ Life SAVE 25/15 คุ้มครอง 25 ปี ชำระเบี้ย 15 ปี
Life PROTECT (ประกันชีวิตเพื่อความคุ้มครอง) ได้แก่ แบบประกัน Life PROTECT 90/20 คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี ชำระเบี้ย 20 ปี
Life Care (ประกันชีวิตเพื่อสุขภาพ) ได้แก่ แบบประกัน Life CARE 80/80 แบบประกันที่ผสาน 5 ความคุ้มครองใน 1 เดียว ได้แก่ ความคุ้มครองชีวิต อุบัติเหตุ โรคร้ายแรง ค่ารักษาพยาบาล และชดเชยรายได้ พร้อมรับความคุ้มครองถึงอายุ 80 ปี
สำหรับการปรับพอร์ทผลิตภัณฑ์ที่ขายผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิตดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการขายแบบ Need-Based Selling และพันธกิจการพัฒนาสังคมประกันชีวิตที่ยั่งยืน ที่บริษัทฯ ได้เริ่มผลักดันมาตั้งแต่ปี 2557 โดยเชื่อว่าการสนับสนุนการซื้อ-ขายประกันชีวิตอย่างมีคุณภาพ กล่าวคือการซื้อประกันจากพื้นฐานความเข้าใจและความต้องการที่แท้จริง และการเสนอขายประกันอย่างถูกต้อง มีจรรยาบรรณ และคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ต่อการประกันชีวิต และเพิ่มมูลค่าของธุรกิจในเชิงคุณภาพได้ในที่สุด
สำหรับในปีนี้จะมุ่งผลักดันนโยบายการขายแบบ Need-based Selling ดังกล่าวในช่องทางตัวแทน เพื่อให้ตัวแทนมีการนำเสนอขายแบบประกันอย่างมีคุณภาพ มีจรรยาบรรณ มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ด้วยการวิเคราะห์ความต้องการในแต่ละช่วงวัยของบุคคลเพื่อเลือกแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงให้เขา ทั้งนี้เพื่อมุ่งสร้างคุณภาพธุรกิจระยะยาว และช่วยเพิ่มอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ ควบคู่กับการสนับสนุนด้านการจัดฝึกอบรมตัวแทน เพื่อมุ่งยกระดับตัวแทนสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการประกันชีวิตอย่างมืออาชีพ (Insurance Advisor) รวมทั้งได้พัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายในรูปแบบที่ง่ายต่อการเข้าใจผ่านช่องทางใหม่ๆ ที่หลากหลายขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึง ข้อมูลประกันชีวิตได้มากขึ้น
"บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า การปรับพอร์ทผลิตภัณฑ์ช่องทางตัวแทน สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าทุกกลุ่มทุกช่วงวัย พร้อมเสริมสร้างความเข้าใจด้านผลิตภัณฑ์แก่ตัวแทนและพนักงานขายเพื่อให้สามารถให้คำปรึกษาแก่ประชาชนในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการอย่างแท้จริง จะ ช่วยให้คนไทยใช้ประโยชน์จากประกันชีวิตได้อย่างคุ้มค่า และเห็นความสำคัญของการมีประกันชีวิตเพื่อเป็น หลักประกันทางการเงินของครัวเรือนอย่างแท้จริง ตอบโจทย์พันธสัญญาของบริษัทในการพัฒนาสังคมประกัน ชีวิตที่ยั่งยืน และเป้าหมายระยะยาวของบริษัทฯ สู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตที่คนไทยให้ความไว้วางใจสูงสุดในอนาคต" นายเคลิค กล่าวปิดท้าย