กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--Muse Republic
TOG ประกาศแผนการลงทุน 3 ปี รีแบรนด์ดิ้งองค์กรครั้งใหญ่ ทั้งการพัฒนาโลโก้บริษัท และปรับองค์กรให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมในการผลิตเลนส์ให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้มีปัญหาทางสายตามากยิ่งขึ้น โดยมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่องทุกไตรมาส พร้อมตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเลนส์สายตาในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบอาเซียน มั่นใจบริษัทฯ สามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตเลนส์อิสระในระดับโลก
นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และผู้ผลิตเลนส์อิสระในระดับสากล เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,824 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 230 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรเท่ากับ 12.6% ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดเลนส์สายทั่วโลกมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใช้เลนส์สายตาทั่วโลกกว่า 1.8 พันล้านคน และ
มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าปีละ 3% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญจากการใช้แว่นสายตาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ทั้งนี้ TOG วางแผนการลงทุนในอีก 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2559 – 2561) ภายใต้งบประมาณกว่า 800 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดเลนส์สายตาทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ และเวียดนาม เป็นต้น
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2559 นี้ TOG ตั้งงบลงทุนระหว่าง 450-500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเลนส์เฉพาะบุคคลหรือเลนส์สั่งฝนพิเศษ (Prescription Lens หรือ Rx Lens) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี จำนวน 300-350 ล้านบาท และงบลงทุนปกติ 150 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงงบประมาณในการรีแบรนด์ดิ้งองค์กรแบบ 360 องศา เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ที่มีอัตราเติบโตต่อเนื่องกว่า 10% ทุกปี
ในส่วนของการรีแบรนด์ดิ้งองค์กรนั้น TOG พลิกโฉมภาพลักษณ์ของ TOG เพื่อสร้างความทันสมัยให้กับแบรนด์ใหม่ทั้งหมด โดยใช้ธีม "TOG 360 WORLDSIGHT" ซึ่งหมายถึง มุมมองแบบ 360 องศา สะท้อนถึงผลิตภัณฑ์ และบริการที่กว้าง สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของบริษัทที่ก้าวหน้าและมองไปยังอนาคต โดยมีการเปลี่ยนแปลงใน 4 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์หรือโลโก้ให้โดดเด่นชัดเจนยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบบรรจุภัณฑ์ และดีสเพลย์สินค้าให้มีความสดใสยิ่งขึ้น ส่วนที่สอง คือ การพัฒนาคุณภาพเลนส์สายตาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบในการผลิต ตลอดจนนวัตกรรมในการพัฒนาเลนส์สายตาให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือการพัฒนาเลนส์ชีวภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง ส่วนที่สาม คือ การปรับปรุงโรงงานผลิต และเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในอนาคตจะเป็นโรงงานแบบ Fully Automatic ซึ่งสามารถรองรับกำลังการผลิตอีกมากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อปี คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ และสุดท้ายคือ การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดอายุองค์กรให้ทันสมัย มีความคล่องตัว และเข้ากับยุค New Generation มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ TOG ยังตั้งเป้ารุกขยายตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบอาเซียนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว 95% โดยส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา และเอเชียแปซิฟิค เป็นต้น
โดยการมุ่งขยายตลาด AEC นั้น บริษัทฯ วางแผนขายสินค้าผ่านบริษัทร่วมทุน 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาและเจราจากับพันธมิตรเพิ่มเติมในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า เพื่อขยายสาขารับกำลังซื้อในตลาด AEC
"บริษัทฯ มั่นใจว่า การปรับองค์กรครั้งใหญ่ของ TOG ครั้งนี้ ไปจนถึงอีก 3 ปีข้างหน้า จะผลักดันให้บริษัทฯ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในฐานะผู้ผลิตเลนส์อิสระในระดับโลก และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคที่ใช้เลนส์สายตาคุณภาพอย่างแพร่หลายทั่วโลก" นายธรณ์ กล่าวในที่สุด