กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,221.20 -1,232.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 350 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,350 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG16 อยู่ที่ 20,790 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 410 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,380 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.49 น.ของวันที่ 19/02/16)
แนวโน้มวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559
ธนาคารกลางสหรัฐสาขาซานฟรานซิสโก นายจอห์น วิลเลียมส์ แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกับความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนหลายคนซึ่งคาดการณ์มากขึ้นว่า สภาวการณ์ที่ย่ำแย่ทั่วโลกซึ่งรวมถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนจะชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มเติม โดยนายจอห์น วิลเลียมส์ กล่าวว่า เฟดควรยึดแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อพิจารณาจากมุมมองของเขาที่ว่าอัตราการว่างงานมีแนวโน้มที่จะแตะระดับ 4.5% ภายในสิ้นปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2% ภายใน 2 ปี ความเห็นดังกล่าวสร้างแรงขายทำกำไรออกมาเมื่อราคาดีดตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแรงขายในตลาดทองคำยังไม่มากนักเพราะนักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ขณะที่เทรดเดอร์คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว ขณะที่ราคาทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มจากนักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศลงไปอีกในอนาคต หลังจากสแตนดาร์ดแอนด์ พัวร์ (S&P) เพิ่งปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของซาอุดิอาระเบีย, บราซิล,คาซัคสถาน, บาห์เรน และโอมานลงในวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำได้รับแรงหนุน หากราคานำมันยังคงมีความผันผวนค่อนข้างสูง เพราะถึงแม้ว่าซาอุดิอาระเบียกับรัสเซียวางแผนจะตรึงปริมาณการผลิตไว้ที่จุดสูงสุดของเดือนมกราคม และอิหร่านประกาศสนับสนุนแผนการนี้ แต่ไม่ได้ให้สัญญาว่าจะเข้าร่วมในแผนการนี้ขณะที่ อิรักจะรอให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันร่วมมือกันมากกว่านี้ ก่อนที่อิรักจะให้สัญญาว่าจะตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันของตนเอง อย่างไรก็ตามทิศทางการของราคาทองคำยังคงขึ้นอยู่กับเม็ดเงินลงทุนไหลไหลกลับเข้ามายังตลาดทองคำ ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ดังนั้นแล้วนักลงทุนควรจะมีความระมัดระวังในการลงทุนเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,200 หรือ 1,191 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,239-1,252 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,200 (20,250บาท) 1,191 (20,100บาท) 1,180 (19,900บาท)
แนวต้าน 1,239 (20,900บาท) 1,252 (21,130บาท) 1,260 (21,270บาท)
GOLD FUTURES (GFG16)
แนวรับ 1,200 (20,370บาท) 1,190 (20,200บาท) 1,177 (20,030บาท)
แนวต้าน 1,237 (21,030บาท) 1,249 (21,250บาท) 1,260 (21,380บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148