กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--อาร์เอส
ลายเป็นประเด็นดราม่าใหญ่ เมื่อมีไทยสาวนิรนามอ้างมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักร้องไต้หวันชื่อดัง โจว อวี้หมิน หรือ "วิค F 4" หรือ "ไจ๋ไจ๋ F4" นาน 5 ปี ถึงขั้นตั้งท้องและสุดท้ายต้องทำแท้งออก กลายเป็น "ทอล์คอ๊อฟทาวน์" ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ สติโอ ช่อง 2 สาวนิรนามคนดังกล่าว "แพร-แพรอร สร้อยสน" อายุ 28 ปี ได้เดินทางมาอัดรายการ "ข่าว 2" ทาง ช่อง 2 บันเทิง มาเต็ม กดเลข 38 พร้อมตั้งโต๊ะเปิดใจกับสื่อไทยทุกเรื่อง
ที่ออกมาวันนี้เพราะอะไร
"เห็นจากหลายๆ อย่างที่ถาโถมเข้ามา ก็เลยอยากมาพูด"
ไปรู้จักเขาได้ยังไง
"เรารู้จักกันผ่านเพื่อนค่ะ ก็เลยคุยกันเรื่อยมา ตอนแรกก็คุยกันเฉยๆ แล้วก็เริ่มสานสัมพันธ์กันโดยที่เขาเข้ามาหาเราก่อน รู้จักกันผ่านเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ไต้หวัน เพราะหนูมีญาติอยู่ที่นั่นคะ เขาเป็นเพื่อนกัน แล้วเขาก็เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของหนูอีกทีหนึ่ง"
ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ต้องการอะไรจากสังคม
"หลักๆ ของหนู หนูเห็นจากหลายๆ คนที่พูดถึงกัน ประติดประต่อกัน พูดถูกบ้างไม่ถูกบ้าง หนูเลยอยากออกมาพูด มาตอบคำถามที่หลายคนสงสัย"
มันมีผลกระทบอะไรกับเราบ้าง
"ก็รู้สึกแย่นิดหนึ่ง แต่ไม่เท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านั้นเจอมาเยอะแล้ว"
เจอเขาที่ไต้หวันหรือเจอที่ไทย
"ที่ไต้หวันค่ะ"
ตอนนั้นเราไปทำอะไรที่ไต้หวัน
"ไปกลับๆ เพราะว่าหนูมีญาติอยู่ที่โน้น"
ทำไมเราถึงเจอดาราไต้หวันได้ง่ายจัง
"มันเป็นเพราะเขาเปิดทางให้เราเข้ามามากกว่า"
เจอกัน เริ่มคบกันยังไง
"จริงๆ เป็นเพื่อนกันก่อน แล้วก็ค่อยมาขยับความสัมพันธ์ทีหลัง"
ปีอะไรที่เป็นเพื่อนกัน
"เราคบกัน 5 ปี แล้วก็เป็นเพื่อนกัน 2 ปี เริ่มที่ปี 2009"
ตอนเป็นเพื่อนคุยกันเยอะไหม คุยปกติ
"ไม่ค่อยได้เจอกันด้วยซ้ำ คุยกันน้อยๆ ส่วนใหญ่ก็คุยเหมือนเป็นเพื่อนๆ กัน ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่"
คบกันลับๆ ตกลงกันทั้งคู่ว่าเราคบกัน
"บอกใครไม่ได้"
เพื่อนๆ เรารู้ไหม
"รู้น้อยมาก รู้ไม่กี่คน"
ตกใจไหม เขาคือซูเปอร์สตาร์เอชีย แต่มาคบกับเรา
"ไม่ตกใจค่ะ"
ทำไมไม่ตกใจ
"เพราะว่ารู้นิสัยอะไรหลายๆ อย่าง เหมือนคนเรารู้จักกันก็จะเห็นนิสัยกัน เห็นนิสัยแล้วเราก็เฉยๆ"
นิสัยเขาเป็นยังไง
"ถ้าเอาจริงๆ แล้วเขาจะเป็นคนติสท์ๆ เป็นคนพูดเยอะด้วยซ้ำ ไม่ค่อยเหมือนในทีวีเท่าไหร่"
บอกว่าเขาเข้าหาเราก่อน อะไรที่ทำให้คิดว่าเขาจีบ
"หลังๆ ก็คุยกันบ่อย แสดงอาการอะไรประมาณนี้ มันบอกยากนะคะความรู้สึกแบบนี้"
เขาบอกเรา หรือเรารู้สึกเอง
"จะพูดยังไงดีล่ะ"
เขาคุยกับเรายังไง คุยบ่อยไหม หรือสวีต
"ตอนนั้นเราเจอกันที่โรงแรม(หัวเราะ) แล้วก็ได้มีการพูดคุยกัน"
คุยกันยังไง
"ก็จะคุยกันผ่านโปรแกรมเรื่อยๆ"
ตลอด 5 ปีนี่ยังไง
"เราจะเจอกันบ้าง เขาไปทำงานที่ไหน ถ้าใกล้ที่นั่นเราก็จะไปเจอกัน อย่าล่าสุดเขามาถ่ายที่ไทย เขาก็จะเรียกเราไป"
เขาบอกไหม ชอบเราเพราะอะไร
"ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยถาม รู้แต่ว่าเขาเคยบอกว่าเราเป็นคนไม่พูดเยอะ ไม่จี้มากกว่า หนูเป็นคนที่พูดน้อย"
ตอนนี้ใช้ว่าแฟนเลยไหม
"ใช้ยังไง ต่างชาติกับไทยมันสื่อกันยากมากเลย"
อะไรที่เขาแสดงออกว่าเราเป็นแฟนเขา หรือเขาเป็นแฟนเรา
"แบบนั้นเหรอ ความรู้สึกแบบนั้นเหรอ คือเขาจะเป็นคนใส่ใจเวลาตื่นเช้าเขาก็จะมาทัก อย่างเวลาเขาไปทำงานเขาก็จะบอกว่า เขาไปทำงานแล้วนะ เหนื่อยมากเลย คุณทำอะไรอยู่ นิสัยจะเป็นแบบนี้มากกว่า ถ้าเกิดเราอยู่ห่างกันนะส่วนใหญเวลาที่เราเจอกันจะค่อนข้างน้อย"
ตอนไปไต้หวันที่ไปเจอเขาทำอะไรบ้าง เที่ยว กินข้าว
"เอางี้เลยเหรอ หนูกับเขาเวลาเจอกัน การเจอกันมันค่อนข้างที่จะเปิดเผยไม่ได้ เวลาเจอกัน เราจะเจอกันในห้อง แล้วเราก็...อื้ม"
เขามีพาไปกินข้าว เดินเล่นอะไรไหม
"ไม่ได้ มันทำแบบนั้นไม่ได้ เขาก็ดังในประเทศเขา"
ย้อนกลับไปตอนที่ไปเจอกันในห้องคือเป็นแฟนกันรึยัง
"คือเราก็ได้เสียกันก่อน ประมาณ 2 ครั้ง"
รู้จักกันปี 2009 เป็นแฟนกันปีไหน
"ก็ประมาณปี 2012 มันไล่ๆ หลัง ปลายๆ ของปี2011 แล้วก็ 2012"
ที่คุยกันในห้องปีไหน
"จริงตอนนั้นที่ได้เสียกัน(ยิ้ม) จะพูดยังไงดีล่ะ มันก็ยังเป็นกึ่งๆ เป็นเพื่อน ก็น่าจะประมาณปลายๆ ปี 2011 จะเข้า 2012 ที่เราเริ่มคุยกัน"
บางสื่อ ที่หนูให้สัมภาษณ์บอกว่าเขาขืนใจ
"ถูกต้องค่ะ ครั้งแรกเขาเริ่มเข้ามาก่อน โดยการที่บอกให้เราเข้าไปหา เขาบอกว่าให้หนูเข้าไปหาหน่อย ตอนแรกเขาก็อ้างโน้นอ้างนี่แหละ พอหนูเข้าไปก็ให้หนูนั่งที่ปลายเตรียง หนูก็เออๆ นั่งๆ พอนั่งเสร็จเขาก็บอกให้หนูนอนลง หนูไม่ยอมนอนอยู่นั่งอยู่อย่างนั้นนานมาก 10 นาทีได้มั้ง แล้วเขาก็ทำเป็นนอน นอนให้เราชิน แล้วสักพักเขาก็เดินมาจับแขนหนูให้ไปนั่งข้างๆ เขา แล้วก็จับหนูนอนเลย"
นั่นขืนใจหรือเรายอม
"เราไม่ยอม แต่เขาพยายาม ตอนแรกหนูนั่งเฉยๆ พยายามที่จะไม่มีอะไรกับเขา"
ไม่คิดอะไรเลย อยู่ในห้องกับผู้ชาย 2 คนแบบนั้น
"หนูเป็นคนมีเพื่อนชายเยอะมากเลย จะไม่ค่อยคิดเรื่องแบบนี้"
ครั้งที่ 2 เขาให้ไปหาก็ไม่กลัว ทั้งที่บอกว่าครั้งแรกเขาขืนใจ
"ไม่คิดค่ะ หนูมีเพื่อนผู้ชายเยอะ หนูไว้ใจเขานะ"
ไว้ใจยังไง ครั้งแรกเราโดนขืนใจไปแล้วนะ
"มันได้แล้วอ่ะ หนูเป็นคนคิดแบบว่าคนมันได้เสียกันแล้วเนาะ แล้วมันก็เป็นเพื่อนๆ กัน คือตอนที่เราได้เสียกันครั้งแรกใช่ไหม ตอนแรกก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่พอกลับไปต่างคนต่างแยก พอหนูกลับก็มีการคุยกันบ้าง ประมาณว่าเป็นยังไงบ้าง ครั้งที่ 2 ก็ลักษณะเดิม หลอกให้ไปอีก แต่ก็แบบไม่ได้คิดอะไร คิดแบบนั้นจริงๆ"
ครั้งสุดท้ายที่เจอเมื่อไหร่
"วันที่ 18 มิถุนาปีที่แล้ว(2015) ที่สมุย"
เห็นว่าท้อง(เอาออกแล้ว) ยืนยันว่าเป็นลูกของเขา
"เขาคือคนที่หนูมีความสัมพันธ์ด้วยมาตลอด"
ไม่ได้มีการป้องกัน
"ไม่ได้ป้องกัน"
ครั้งล่าสุดที่ท้องคือที่สมุย ถูกไหม
"ใช่ หลังจากที่เขากลับไปก็ท้อง ประมาณ 2 เดือน"
มั่นใจไหมว่าเป็นลูกเขา
"หนูมีความสัมพันธ์ล่าสุดกับเขา เพราะหนูไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคนอื่นในเรื่องของเรื่องบนเตียง ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายอะมีแต่ไม่ได้มีเรื่องบนเตียงด้วยกัน"
ตัดสินใจทำแท้งเพราะกดดัน ทำไมไม่เก็บลูกไว้ ตรวจ DNA ก็ได้
"หนูไม่ได้อยากเรียกร้อง หนูกำลังออกมาพูดความจริง จริงๆ ตั้งแต่แรกหนูไม่ได้อยากทำอะไรเลย ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นมาหนูแค่ต้องการคำอธิบายเท่านั้น หนูก็เลยพยายามทำทุกอย่างให้เขาออกมาพุแต่เขาก็ไม่ออกมาพูด ก็เลยทำให้หนักขึ้น"
เรียกร้องในสื่อบ้านเขา
"มีค่ะ ตอนนั้นติดต่อกับสื่อแอ๊ปเปิ้ลเดลี่ค่ะ เขาก็มาคุยกับเรา พอได้คุยกันเขาก็ออกข่าววันนั้นเลย วันที่ 1 มกราคม"
ฟีดแบคข่าวเป็นไง
"ก็แรงนะ ฉาวเลย"
เห็นว่าของแทนใจคือแหวน
"ใช่ค่ะ ที่เขาก็มี"
เขาให้แหวนเนื่องในโอกาสอะไร
"วันเกิดค่ะ"
เขาเคยใส่ไหมแหวน
"(ส่ายหน้า)"
คลิปเต็ม แพรอรhttps://www.youtube.com/watch?v=Cw0V_zlSuLo