กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เมืองไทยประกันชีวิต
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถิติประกันชีวิตประจำปี 2558 โดยสมาคมประกันชีวิตไทย พบว่า เมืองไทยประกันชีวิต สามารถสร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่ (New Business Premium) ได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 22.1% โดยมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 37,938 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ สำหรับเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) เมืองไทยประกันชีวิต ก็สามารถรั้งตำแหน่งอันดับที่ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เช่นเดียวกัน ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 21.9% โดยมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 26,247 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 16.3% มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวม 87,880 ล้านบาท เติบโตขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า
ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปี 2558 มีเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 171,428 ล้านบาท เติบโต 0.5% เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 366,081 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% ส่งผลให้มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 537,510 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7%
นายสาระอธิบายว่า การเติบโตที่ดีเยี่ยมของเมืองไทยประกันชีวิตดังกล่าว เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบาย "ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง" (Customer Centric) โดยมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต รวมถึงสัญญาเพิ่มเติมรูปแบบต่างๆ ที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพ โรคร้ายแรง และอุบัติเหตุ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า มุ่งเน้นการพัฒนาเครือข่ายช่องทางที่ครอบคลุม เข้าถึงง่าย และเป็นมืออาชีพ ควบคู่กับการยกระดับการบริการที่หลากหลายสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ตลอดจนโครงการ "เมืองไทย Smile Club" ที่สร้างสรรค์กิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้ม รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ ใส่ใจ ตรงใจ และประทับใจให้แก่ลูกค้า
"นอกจากการผลิตผลงานเบี้ยประกันชีวิตให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีแล้ว เมืองไทยประกันชีวิตยังให้ความสำคัญอย่างมากกับการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลด้วยความมั่นคง แข็งแกร่ง และมีความยั่งยืน เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะให้ความเชื่อมั่นต่อผู้เอาประกัน และสร้างความไว้วางใจได้ว่าบริษัทฯ จะสามารถดูแลผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ของผู้เอาประกันได้ในระยะยาว" นายสาระกล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) โดยคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (International Insurer Financial Strength (IFS)) ที่ 'A-' และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ ที่บริษัทฯ ได้รับในปัจจุบันที่ 'AAA(tha)' นั้น ถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดภายในประเทศ ที่สะท้อนถึงความมั่นคงแข็งแกร่งของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี