กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดรายชื่อ 9 กลุ่ม SMEs ที่มีโอกาสการเติบโตสูง (High Growth Sector) และ 6 กลุ่ม SMEs ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย (High Impact Sector) พร้อมดำเนินโครงการยกระดับดาวเด่น SMEs ไทย (DIP Stars) เพื่อส่งเสริมและยกระดับผู้ประกอบการให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ อาทิ การขยายกิจการ การเปิดตลาดต่างประเทศ รวมถึงสามารถเข้าสู่แหล่งระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ฯลฯ โดยตั้งเป้านำร่องพัฒนาผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 31 ราย ภายในระยะเวลาการดำเนินโครงการ 3 ปี เพื่อเป็นต้นแบบสถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จให้แก่ SMEs ในประเภทอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วประเทศ
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมภาคการผลิตที่มีการเติบโตสูง (High Growth Sector) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวทางธุรกิจที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบด้วย 9 สาขาอุตสาหกรรม ได้แก่ ก่อสร้าง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน อาหารและเครื่องดื่ม พลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เครื่องสำอางและสมุนไพรและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ (High Impact Sector) โดยพิจารณาจากมูลค่าการค้าระหว่างประเทศและการจ้างงานสูง ประกอบด้วย 6 สาขาอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องจักรกล อาหาร ผลิตภัณฑ์ยาง บรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ต่อปีให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กสอ. จึงดำเนินการจัดทำ "โครงการยกระดับดาวเด่น SMEs (DIP Stars)" ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเพื่อยกระดับวิสาหกิจขนาดเล็กสู่วิสาหกิจขนาดกลาง (S to M) และยกระดับวิสาหกิจขนาดกลางสู่วิสาหกิจขนาดใหญ่ (M to L) ซึ่งสถานประกอบการที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จะเป็น SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรม High Growth และ High Impact จากทั่วประเทศ โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะกำหนดฝันหรือเป้าหมายของตนเองและจะมีการวินิจฉัย ประเมินสถานประกอบการ วิเคราะห์โอกาสและกำหนดแนวทาง การพัฒนาศักยภาพ กำหนดแผนกลยุทธ์และทิศทาง การพัฒนา รวมทั้งให้คำปรึกษาเชิงลึกแก่สถานประกอบการอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับธุรกิจ SMEs และสานฝัน ให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่คาดหวัง
ทั้งนี้ สถานประกอบการที่เข้าร่วมจะได้รับความรู้ด้านการบริหารจัดการรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กร การใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม งานวิจัยและพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ ตลอดจนการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จนผู้ประกอบการแต่ละรายสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Market for Alternative Investment : MAI) รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นผ่านมาตรฐานโลกหรือเจาะธุรกิจในตลาดโลก ทั้งนี้ ในปี 2559-2561 กสอ. ได้ตั้งเป้านำร่องพัฒนาผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 31 ราย โดยคาดว่าหากสถานประกอบการสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ จะสามารถสร้างแบบอย่างของความสำเร็จและนำไปสู่การขยายผลเพื่อเป็นต้นแบบให้กับ SMEs ในประเภทอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วประเทศ ดร.สมชาย กล่าว