กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--เซอรา ซี-เคียว
เซอรา ซี-เคียว ผู้นำตลาดกาวซีเมนต์ และกาวยาแนว แบรนด์จระเข้ ของไทย ประกาศศักยภาพอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมก้าวขึ้นแท่นผู้นำอันดับ 1 ตลาดอาเซียน และเอเชีย ด้วยนวัตกรรมสินค้า เดินหน้ารุกตลาดโลก และตลาดประชาคมอาเซียน เจาะกลุ่มประเทศ CLMV
บริษัท เซอรา ซี-เคียว จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาวซีเมนต์-ยาแนว วัสดุติดตั้ง-ตกแต่งกระเบื้อง เคมีซีเมนต์เพื่อแก้ปัญหาร้าวรั่วซึม และสีคัลเลอร์ซีเมนต์ แบรนด์"จระเข้" ผู้นำอันดับ 1 ตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวของประเทศไทย เป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจวัสดุก่อสร้างมากว่า 20 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด ด้วยการจัดงาน "มากกว่า 2 ทศวรรษ มากกว่าความผูกพัน" อย่างยิ่งใหญ่ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นานมานี้ เพื่อขอบคุณพันธมิตรลูกค้า พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ ประกาศศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์จระเข้ ในอีก 10-20 ปีข้างหน้าต่อจากนี้ เตรียมก้าวขึ้นแท่นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดอาเซียน และเอเชีย ตามลำดับ หลังวางรากฐานไว้แล้วใน 8 ประเทศ ส่งผลให้ปี 2558 ที่ผ่านมา เซอรา ซี-เคียว มีผลประกอบการเติบโตมากกว่า 10% โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 15%
นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซอรา ซี-เคียว จำกัด เผยว่า "เซอรา ซี-เคียว เป็นบริษัทของคนไทย 100% ก่อตั้งและดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อแบรนด์ "จระเข้" ซึ่งเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานจวบจนปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 24 ครองแชมป์ผู้นำตลาดกาวซีเมนต์ และกาวยาแนว เจ้าตลาดอันดับ 1 ของไทย เราต้องการเน้นย้ำให้คนไทยเกิดความภาคภูมิใจต่อบริษัทของคนไทยของเรา ที่สามารถแข่งขันกับบริษัทต่าง ชาติในตลาดโลกได้อย่างทัดเทียม และยังคงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์จระเข้ ภายใต้แนวความคิด "Innovation for your Family's Happiness - สร้างสรรค์ความสุขเพื่อคุณและทุกคนในครอบครัว" ตามปณิธานของบริษัท ที่ผ่านมาถึงปัจจุบันเราได้คิดค้น วิจัย ทดสอบ พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง ผลิตสินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาดปีละ 2-3 สินค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมบวกกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งนวัตกรรมในด้านการผลิต และนวัตกรรมของตัวสินค้า ทำให้ผลิตภัณฑ์จระเข้ที่ผลิตออกมานั้น ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา(ANSI) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่เข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้รับความเชื่อถือและการยอมรับจากทั่วโลก"
เซอรา ซี-เคียว เราเป็นผู้ปฏิวัติตลาดผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซีเมนต์ ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ปูนกาวที่เหมาะสมกับชนิดของกระเบื้องและพื้นที่ต่างๆที่หลากหลาย เช่น กาวซีเมนต์ปูทับกระเบื้องเดิมโดยไม่ต้องทุบ ซึ่งเราก็เป็นรายแรกที่เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมปูนกาวชนิดนี้ขึ้นมา นอกจากนี้ยังได้คิดค้นกาวยาแนวยับยั้งราดำครั้งแรกของโลก ด้วยเทคโนโลยี ไมโครแบนอีกด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการคิดค้นทดลองสิ่งใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาศึกษาวิจัยพอสมควร แต่ด้วยศักยภาพ ความแข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญ บวกกับปณิธานของบริษัท เราจึงต้องสรรหาสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของลูกค้า และผู้บริโภค รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่น การให้ความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ และสร้างให้เกิดแบรนด์รอยัลตี้ ไปพร้อมๆกัน ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สินค้าของจระเข้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ติดตั้งและตกแต่งกระเบื้อง 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีซีเมนต์เพื่อแก้ปัญหาร้าวรั่วซึม 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์คัลเลอร์ซีเมนต์ ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายให้กับเรามากที่สุด โดยเฉพาะกาวซีเมนต์จระเข้เขียว สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรายังคงเป็นช่างและผู้รับเหมาเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปี 2558 ที่ผ่านมาถึงปัจจุบันนี้ เห็นได้ชัดว่าการเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างนั้น เจ้าของบ้านมีส่วนร่วมในการซื้อและตัดสินใจมากขึ้น เราจึงเพิ่มการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังเจ้าของบ้านมากขึ้น ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า เรามีร้านค้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจทั่วประเทศกว่า 4,000 ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นเทรดต่างๆ ดีลเลอร์ทั้งรายใหญ่รายเล็ก รวมไปถึง โครงการต่างๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ในด้านแผนงานการบริหารธุรกิจ และ การลงทุนในส่วนงานต่างๆนั้น ในปี 2558 ที่ผ่านมาเราใช้งบประมาณลงทุนใน 2 ส่วนงานใหญ่ ได้แก่ 1.การขยายโรงงาน และการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาเสริมในสายงานการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มกำลังการผลิต ให้รวดเร็วมากขึ้นทันต่อความต้องการของตลาด และส่วนที่ 2 คือการลงทุนในด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งในส่วนนี้เราตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เซอรา ซี-เคียว ของเรามีการปรับปรุง พัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา เราคำนึงถึงการมีสุขภาพที่ดีของพนักงาน และชุมชมรอบข้าง ล่าสุดเราจึงได้นำเทคโนโลยีลดฝุ่นมาใช้ในโรงงาน และบริเวณโดยรอบ ส่วนในปีนี้ ด้วยความเติบโตของบริษัทที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี การขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราต้องเพิ่มบุคคลากรด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันเรามีพนักงานรวมกว่า 1,000 คน เราจึงวางแผนการลงทุนในการจัดตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายงานของบริษัททั้งในและต่างประเทศ
สำหรับทิศทางธุรกิจและการขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศต่อจากนี้ ในประเทศเราจะเน้นรุกตลาดซ่อมสร้างมากขึ้น เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน ตลาดบ้านใหม่มีกำลังซื้อที่ถดถอยลง แต่เราเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์สินค้า จระเข้ จะเติบโตได้ในตลาดรีโนเวท (Renovate) ทั้งนี้เรายังคงจับตามองทิศทางและภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขยายตลาดของเรา นอกจากนี้ในปีนี้จะเน้นหนักในด้านการให้บริการที่เป็นเลิศมากยิ่งขึ้นทั้งก่อนและหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดทีมวิทยากรอบรมให้ความรู้เกี่ยวกันผลิตภัณฑ์ให้กับร้านค้าและตัวแทนจำหน่าย สนับสนุนเรื่องสื่อในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์เครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการขายต่างๆ
สำหรับต่างประเทศ ในปีนี้ถือได้ว่าเป็นการเริ่มเปิดตลาดประชาคมอาเซียนเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ ทิศทางธุรกิจและการขยายตลาดของเรา ก็คือการรุกตลาดโลก และตลาดประชาคมอาเซียนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งจะเน้นส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้ามูลค่าสูง (High Value) เพื่อให้ได้เม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ประเทศไทย หลังวางรากฐานมาแล้วใน 8 ประเทศ โดยเราเริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์แบรนด์จระเข้ ออกสู่ตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งทำการส่งออกสู่ตลาดประชาคมอาเซียนใน 4 ประเทศหลัก ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม หรือที่เรียกกันว่าประเทศในกลุ่ม CLMV ส่วนตลาดโลกก็ได้แก่ ประเทศจีน บังคลาเทศ แคนนาดา และมัลดีฟส์ ส่งผลให้ปี 2558 ที่ผ่านมา เซอรา ซี-เคียว มีผลประกอบการสร้างยอดขายประมาณ 2,300 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 10% พร้อมประกาศศักยภาพแสดงวิสัยทัศน์อย่างยิ่งใหญ่ เตรียมก้าวขึ้นแท่นผู้นำตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวอันดับ 1 ของตลาดอาเซียน และเอเชียตามลำดับ ตั้งเป้าปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีที่แล้วอย่างแน่นอน
นายศุภพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายถึงภาพรวมตลาดอุปกรณ์เพื่องานก่อสร้างว่า "ปีที่แล้วตลาดโดยรวมถือว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในเรื่องสงครามราคา และคาดว่าในปีนี้การแข่งขันจะสูงขึ้นไปอีก เนื่องจากมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆจากต่างประเทศเข้ามาแข่งขันในประเทศเราเพิ่มมากขึ้น ถ้ามองถึงการเติบโตของตลาดโดยรวม คาดว่าคงไม่แตกต่างจากปี 2558 เท่าไหร่นัก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศของเราเองด้วย ส่วนเรื่องคู่แข่งเรายังคงจับตามองคู่แข่งรายใหม่ๆ อย่างใกล้ชิด แต่ถึงอย่างไรเรายังเชื่อมั่นว่าจะยังรักษาแชมป์ความเป็นผู้นำในตลาดไว้ได้อย่างแน่นอน