กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส ประเทศไทย
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ (ประเทศสหรัฐอเมริกา) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และคณะกรรมการโครงการเอธานอลแห่งชาติ จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “เชื้อเพลิงเอธานอล สำหรับยานยนต์ในประเทศไทย” โดยการสัมมนาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 — 31 สิงหาคม ศกนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเป็นการประชุมสัมมนาระหว่าง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ จากทั้งประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ในหัวข้อต่างๆ เพื่อนำไปสู่แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย รวมถึงการกำหนดนโยบายในระดับประเทศ เพื่อช่วย ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ จากการนำเข้าน้ำมัน ช่วยยกระดับราคาพืชผลของเกษตรกร รวมถึงการลดมลภาวะจากไอเสียรถยนต์ ในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนา โดยมี ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ สิ่งแวดล้อม ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ฯพณฯ เอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย มร.ริชาร์ด เฮคลิงเกอร์ คณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ฟอร์ด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
“การจัดการสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการระดมความคิดเห็นจากนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเอธานอล มาให้ข้อมูล ความเป็นไปได้ของการพัฒนาเชื้อเพลิงชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านความคุ้มค่าการลงทุน ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลก มีแนวโน้มว่าจะมีราคาสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง” นายฉัตรชัย บุนนาค ประธานบริษัท ฟอร์ด โอเปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็น “การหามาตรการรองรับ เพื่อต่อสู้กับปัญหาในระยะยาว น่าจะเป็นประโยชน์สูงสุดของชาติ ทั้งในเรื่องของนโยบาย มาตรการต่างๆ รวมถึงการใช้เชื้อเพลิง เอธานอล ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ โดยแปรรูปมาจากพืชผลทางการเกษตรที่มีอยู่มากมาย ทำให้เชื้อเพลิง เอธานอล เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับบ้านเรา”
การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “เชื้อเพลิงเอธานอล สำหรับยานยนต์ในประเทศไทย” เป็นการรวบรวมนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน จาก 2 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกาและไทย นำเสนอข้อมูลจากการวิจัย พัฒนา เพื่อเป็นแนวทางให้กับประเทศไทย ในการศึกษาความเป็นไปได้ของการส่งเสริม การใช้เชื้อเพลิงสูตรผสมเอธานอล 95% มาผสมกับน้ำมันเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์ และใช้สาร ETBE (ethyl- tertiary-butyl-ether) ที่ได้จากการกลั่นซ้ำเอธานอล มาใช้ทดแทนสาร MTBE (methyl-tertiary-butyl-ether) ซึ่งสารทั้ง 2 ตัวนี้ จะทำหน้าที่เพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยป้องกันการน็อคของเครื่องยนต์ โดยมีข้อกำหนดในการใช้ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณไม่เกิน 5.5 — 11%
การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ เอธานอล เพื่อทดแทน จะช่วยให้ประเทศไทยลดการนำเข้าสาร MTBE และน้ำมันลงได้ และยังจะเป็นการช่วยส่งเสริมเกษตรกรของไทย ให้ขายผลผลิตได้มากขึ้น อาทิ มันสำปะหลัง อ้อย ข้าว เป็นต้น เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต เอธานอล โดยมีต้นทุนเฉลี่ยประมาณลิตรละ 9 -11 บาท หากนำมาผสมกับน้ำมันเบนซิน ในปริมาณ 10% เมื่อคิดราคาน้ำมันเบนซินขายปลีกที่ 16 บาทต่อลิตร และราคาเอธานอล 11 บาทต่อลิตร (ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย) จะช่วยให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงประมาณลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อคิดรวมปริมาณน้ำมันที่ใช้บริโภคภายในประเทศประมาณปีละ 3.77 หมื่นล้านลิตร จะทำให้ประเทศประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ 1.51 หมื่นล้านบาทยิ่งไปกว่านั้น เอธานอล ยังมีจุดเด่นในเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และ ยังมีค่าออกเทนที่สูงกว่าน้ำมันไร้สารตะกั่ว
นอกจากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการแล้ว ภายในงานยังมีพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ กับสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความเป็นไปได้ และสนับสนุนการผลิตเอธานอลเพื่อการใช้งานในประเทศไทย ซึ่งผู้แทนจากบริษัท ฟอร์ด คือ มร.เจอรี่ คาเนีย ประธานศูนย์ปฏิบัติการฟอร์ด ภูมิภาค อาเซียน ลงนามร่วมกับ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
“ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการพัฒนาโครงการนี้ให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการเชื้อเพลิงเอธานอล ถือเป็นหนึ่งในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ที่ทรงวิจัยและพัฒนาการนำ เอธานอล มาใช้งานในเครื่องยนต์ ซึ่งฟอร์ด ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม มีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานานแล้วเช่นกันในประเทศสหรัฐอเมริกา ความรู้และประสบการณ์ต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ จะได้รับการถ่ายทอดมาสู่สังคมไทยจากการจัดการสัมมนาในครั้งนี้ และผมหวังว่าจะมีส่วนสำคัญ ในการพัฒนาทางเลือกใหม่ด้านการพลังงานให้เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย อีกทั้งยังพัฒนาต่อเนื่องจนประเทศไทย สามารถพึ่งตนเองได้อย่างแท้จริง ในเรื่องของพลังงานที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน” นายฉัตรชัย กล่าวสรุป
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆ ได้ที่: ชั้น 36 อาคารชุดเลครัชดา ออฟฟิสคอมเพล็กซ์ 193/144-145 ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 ประเทศไทย โทร: (02) 264-0099 เขตกรุงเทพฯ โทรฟรี: (+66-88) 225-449--จบ--
-สส-