กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--IR network
บล.ฟินันเซียไซรัส แนะนำ "ซื้อ" หุ้น NCL ระบุเป็นหุ้น"เทิร์นอะราวด์" คาดผลการดำเนินงานปี"59 พลิกกลับมามีกำไรกว่า 46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลงานในปีที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดทุน ให้ราคาเป้าหมายที่ 2.70 บาท/หุ้น มองธุรกิจโลจิสติกส์อนาคตสดใส คาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% ในปีนี้
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์โดยแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) ให้ราคาเป้าหมายในปี 2559 เท่ากับ 2.70 บาท จากความน่าสนใจในฐานะหุ้น Turnaround โดยคาดว่าผลประกอบการจะเปลี่ยนจากขาดทุนเป็นเสมอตัวในไตรมาส 4/58 และพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/59 ขณะที่โอกาสการเติบโตยังเปิดกว้างจากมูลค่าตลาดผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ใหญ่กว่า 1.7 แสนล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตในไม่น้อยกว่า 7% ในปีนี้
"เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2559 ที่ 46 ล้านบาท จากทั้งรายได้ที่โตตามอุตสาหกรรม และต้นทุนที่ลดลงจากการจัดหาตู้คอนเทนเนอร์โดยการซื้อ ซึ่งมีค่าเสื่อมราคาถูกกว่าค่าเช่าปีละ 5-10 ล้านบาท อีกทั้ง บริษัทย่อยในสิงคโปร์กำลังอยู่ในช่วงขยายตัวเร็ว เพราะอยู่ในเมืองท่าอันดับ 1 ของเอเชีย ส่วน Upside จะเปิดกว้างมากกว่าประมาณการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการควบรวมธุรกิจหัวรถบรรทุกลากกับบริษัทนอกตลาด ซึ่งจะทำให้มีขนาดการให้บริการใหญ่ขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว"
NCL เป็นผู้ให้บริการระบบโลจิสติกส์ โดยสัดส่วนรายได้กว่า 85% คือการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือทั้งแบบเต็มตู้และไม่เต็มตู้ ที่เหลือคือการจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ 1-2% และการขนส่งในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก 13-14% (65 หัวลากและ 98 หางลาก) รายได้โตตามการขยายตัวของต้นทุนโลจิสติกส์ ซึ่งแปรผันในทิศทางเดียวกับ GDP โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาโตเฉลี่ย 6% ต่อปี ขณะที่รายได้ของ NCL โตเฉลี่ย (CAGR) 20% ต่อปี จากความสามารถในการให้บริการที่หลากหลายและครบวงจรซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญของ NCL
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า ผลประกอบการปี 2558 ของ NCL จะขาดทุนสุทธิ 78 ล้านบาท จากการผันตัวเองไปเป็นผู้ให้บริการจุดขนส่งสินค้าท่าเรือระนองที่ไม่ถนัด ซึ่ง NCL ยุติการให้บริการไปแล้วตั้งแต่ 16 ก.ค. 2558 ทำให้คาดว่าจะเห็นพัฒนาการดีขึ้นจากขาดทุนเป็นเสมอตัวในไตรมาส 4/58 ส่วนปี 2559 คาดว่าจะกลับมาสร้างกำไรอีกครั้งที่ 46 ล้านบาท จาก (1) รายได้การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศที่คาดว่าจะโตในระดับปกติ 15% Y-Y (2) NCL Inter Logistic(s) บริษัทย่อยในสิงคโปร์ขยายตัวเร็ว ด้วยความที่สิงคโปร์มีศักยภาพด้านโลจิสติกส์ (LPI Rank) สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะสร้างกำไรสุทธิปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท (3) ต้นทุนลดลงจากค่าระวางเรือที่ต่ำลง และการเปลี่ยนกลยุทธ์จากเช่าเป็นซื้อตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งมีค่าเสื่อมราคาต่อปีต่ำกว่าค่าเช่า 5-10 ล้านบาท (4) ไม่มีภาษีจ่ายจากการใช้ Loss Carry Forward ของผลขาดทุนสะสมกว่า 60 ล้านบาท