กรุงเทพฯ--29 ก.พ.--IR Network
บมจ.สาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR) ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง! ผลงานปี"58 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 33.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324% จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 15.04 ล้านบาท กวาดรายได้รวม 869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จากปีก่อน อานิสงส์ยอดขายทะลัก คุมค่าใช้จ่ายได้ดี เอ็มดีคนเก่ง "ขวัญชัย ณัฏฐ์เศรษฐ์" ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะโตอีก 7-8% ระบุปัจจุบันมีออเดอร์เพิ่มใหม่รอส่งมอบแล้ว มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59
นายขวัญชัย ณัฏฐ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) (COLOR) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทฯมีรายได้รวม 869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จากปีก่อนที่มีรายได้ 806.98 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 33.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324% จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 15.04 ล้านบาท
สาเหตุที่ผลประกอบการในปี 2558 เติบโตอย่างโดดเด่น เป็นผลมาจากการตอบรับของตลาด ต่อนโยบายบริษัทฯที่พัฒนาคุณภาพสินค้าที่เหมาะสมกับการใช้งาน ขณะเดียวกันยังสามารถบริหารควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตและการขายให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน เมื่อกำลังซื้อจากคู่ค้าในตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการเดินสายการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง และต้นทุนผลิตสินค้าโดยรวมลดลง
"แผนธุรกิจในปีนี้บริษัทฯจะเร่งพัฒนาธุรกิจและโครงการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในรายเครื่องจักรที่ยังมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ยังต่ำอยู่ โดยตั้งเป้าหมายให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 70% พร้อมกับมุ่งพัฒนาสินค้าคุณภาพและเน้นประสิทธิภาพการทำงาน ประสานความร่วมมือกับคู่ค้ารายหลัก ผู้ผลิตเม็ดพลาสติก ตลอดจนผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์-หีบห่อบรรจุภัณฑ์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ" นายขวัญชัยกล่าว
นายขวัญชัย กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2559 เติบโตประมาณ 7-8% จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เดินหน้ารับงานประมูลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อระยะยาว ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2559 เป็นต้นไป
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังมุ่งรักษาส่วนแบ่งการตลาดหลักภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อยู่ระหว่าง 20-25% โดยมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในอาเซียน-ออสเตรเลียและยุโรป โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้จะอยู่ที่ 20% จากปีก่อน 17%