กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--IR network
บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL)) ร่วมทุน "Legend Shipping Pte. Ltd. (Singapore)" ตั้งบริษัทย่อย " รีเจนท์ ชิปปิ้ง ไทยแลนด์" ลุยธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ สานต่อธุรกิจเดิมให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ "กิตติ พัวถาวรสกุล"ประเมินปีนี้ผลประกอบการพลิกฟื้นเป็นบวก หลังจากเดินหน้าลดต้นทุนเน้นขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี'59 โตไม่ต่ำกว่า 20-30%
นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 2/2559 มติให้จัดตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ บริษัท รีเจนท์ ชิปปิ้ง ไทยแลนด์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ บริษัท รีเจนท์ ชิปปิ้ง ไทยแลนด์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า55% ของทุนจดทะเบียน และสัดส่วน 45 % ถือหุ้นโดยบริษัท Legend Shipping Pte. Ltd. (Singapore)
"เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในอนาคต คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นชอบให้จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ โดยตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยจุดเด่นของบริการนี้จะสามารถให้บริการและตอบสนองต่อการขนส่งของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และน่าจะทำให้บริษัท สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายใน เดือนพฤษภาคม 2559" นายกิตติกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีผลขาดทุนสุทธิ 80.60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 19.54 ล้านบาท และมีรายได้จากการให้บริการรวมเท่ากับ 1,074.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.39% เนื่องจากบริษัทมีการให้บริการขนส่งเพิ่มเติมจากงานท่าเรือระนองที่เปิดบริษัทเริ่มเปิดดำเนินงานในปี 2558 ซึ่งในปี 2557 บริษัทยังไม่มีรายได้ในส่วนนี้ ประกอบกับรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการขนส่งระหว่างประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการนำเสนอบริการที่ต่อเนื่องมากขึ้นและครบวงจรมากขึ้น โดยบริษัทฯ มีการให้บริการขนส่งในประเทศที่คลอบคลุมหลายจุดบริการ ซึ่งส่งผลให้กลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทฯ สามารถใช้บริการของบริษัทได้มากขึ้น และการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ทิศทางผลการดำเนินงานปี 2559 จะพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจาก NCL ได้ยกเลิกการให้บริการขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือระนองไปยังท่าเรือย่างกุ้ง ประกอบรายได้ที่เพิ่มเข้ามาจากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทย่อยที่สิงคโปร์ และมีงานเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20-30%ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"ที่ผ่านมาเราใช้นโยบายเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือ บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรแน่นอน" นายกิตติกล่าวในที่สุด