กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.ทีพีบีไอ' หรือ TPBI โชว์ผลประกอบการปี 58 สุดแกร่งสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนก่อนเดินเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปลายเดือนมี.ค.นี้ หลังทำกำไรสุทธิเติบโต 52.18% จากการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยหนุนการเติบโตที่โดดเด่น ด้านผู้บริหารระบุแนวโน้มสินค้าบรรจุภัณฑ์กลุ่มพลาสติกชนิดอ่อน ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารมีทิศทางการเติบโตที่ดี รับความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ช่วยผลักดันปี 59 ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ TPBI ผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบปี 2558 ซึ่งบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันการเติบโตที่ดี โดยมีกำไรสุทธิ 380.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำกำไรสุทธิ249.85 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมทำได้ 4,805.65 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำรายได้รวม 4,784.19ล้านบาท
ทั้งนี้ การเติบโตที่ดีโดยเฉพาะในแง่ของกำไรสุทธินั้น มาจากการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถุงหูหิ้วและถุงขยะ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ คิดเป็นสัดส่วน 68-69% ของรายได้รวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการนำเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่บริษัทฯ สามารถผลิตเองได้จากเศษพลาสติกซึ่งต้นทุนถูกกกว่าการซื้อจากภายนอก ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง
ขณะเดียวกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับบริโภคและอุปโภคเพื่อใช้ถนอมและยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ ที่เหมาะสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป ที่ทำสัดส่วนยอดขาย 20% ของรายได้รวมมีอัตราการเติบโตที่ดีมาก เนื่องจากมีความต้องการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจึงทำให้ผลการดำเนินงานของ TPBI ในรอบปี 2558 มีความโดดเด่นมาก
"จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกมายาวนาน ทำให้เรามีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพและผลักดันผลการดำเนินงานของเราให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจุดแข็งด้านการดำเนินธุรกิจของเราได้เป็นอย่างดีและเชื่อว่าด้วยจุดแข็งดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯ ที่เตรียมทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ TPBI ที่มีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลก" นายกมล กล่าว
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPBI กล่าวว่า ส่วนปี 2559 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานยังรักษาอัตราการเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง โดย TPBI จะมุ่งเน้นการพัฒนาและเพิ่มการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Value-Added Product) การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงผลิตภัณฑ์ตามแนวโน้มของตลาดที่ให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบรีไซเคิลมากขึ้น ขณะเดียวกัน TPBIมีแผนขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ไปยังตลาดอาเซียนและแอฟริกา นอกเหนือจากตลาดส่งออกหลักของบริษัทฯ ในปัจจุบัน ที่ส่งออกไปยัง ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศส เพื่อรองรับแนวโน้มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของโลกที่ยังเติบโตได้อีกมากตามการขยายตัวของเศรษฐกิจอีกด้วย
"เรามองว่านอกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนและกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ ที่เหมาะสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปจะมีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารทั้งในและต่างประเทศที่ขยายตัวขึ้นแล้ว กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นเทรนด์ของผลิตภัณฑ์ที่ TPBI ให้ความสำคัญพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต" นายสมศักดิ์ กล่าว