KTIS เผยโรงไฟฟ้าใหม่-น้ำตาลบริสุทธิ์พิเศษ เริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 3, 2016 19:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์ ผู้บริหาร KTIS ลุยแก้ปัญหาเรื่องผู้รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ จนสามารถเริ่มขายไฟฟ้าได้ 1 โรง ภายในไตรมาสที่2 นี้ ส่วนอีกโรงจะเร่งให้เสร็จก่อนการเปิดหีบอ้อยปลายปี ด้านโครงการผลิตน้ำเชื่อมและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2 เช่นกัน คาดปี 59 แม้ปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้จะลดลง แต่จะไม่กระทบรายได้มากนัก เพราะราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะสูงกว่าปีก่อน ส่วนสายธุรกิจชีวพลังงานคาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เผยผลงานปี 58 ทำกำไรสุทธิได้ 730 ล้านบาท นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ในสายธุรกิจน้ำตาล คือโครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sucrose) และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นคือ บริษัท นิสชิน ชูการ์ และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น นั้น ขณะนี้ได้ก่อสร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรเสร็จสิ้นสมบูรณ์ พร้อมทดลองเดินเครื่องแล้ว โดยอยู่ระหว่างทำข้อตกลงซื้อขายกับลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการนี้ได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 "สายธุรกิจน้ำตาลในปีนี้ อ้อยได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ปริมาณผลผลิตอ้อยที่เข้าหีบลดลง ในขณะที่ปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้ก็ลดลงด้วย อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกเฉลี่ยจะสูงขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งจะไปชดเชยกัน ทำให้รายได้จากการขายน้ำตาลน่าจะไม่ลดลงจากปีก่อนมากนัก เพราะเรามีน้ำตาลที่ส่งออกในสัดส่วนประมาณ 75% ของทั้งหมด" นายประพันธ์กล่าว ด้านนายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ กลุ่ม KTISกล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจากชานอ้อย ซึ่งปัจจุบันกลุ่ม KTIS มีโรงไฟฟ้าที่ใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดเดินเครื่องขายไฟฟ้าเข้าระบบอีก 2 โรงในปีนี้ ที่ผ่านมาประสบปัญหาล่าช้าในการก่อสร้างสาเหตุจากผู้รับเหมาไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญารับเหมาฯ ซึ่งทาง KTIS ได้เข้าไปแก้ปัญหาร่วมกับผู้รับเหมาอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะสามารถทำการผลิตและขายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าได้ 1 โรง ภายในไตรมาสที่ 2 นี้ คือโรงไฟฟ้าไทยเอกลักษณ์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนโรงไฟฟ้ารวมผล ที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้พยายามเร่งให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดหีบอ้อยในปลายปีนี้ "โรงไฟฟ้าชีวมวลใหม่ 2 โครงการนี้ เราต้องการให้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยสูงสุด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถผลิตไอน้ำแรงดันสูง ดังนั้น ไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในกระบวนการผลิตน้ำตาล เพื่อประหยัดการใช้เชื้อเพลิงชานอ้อย ที่เหลือจึงขายให้กับการไฟฟ้าฯ" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ KTIS ในปี 2558 ยังคงมาจากการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลและกากน้ำตาลประมาณ79.4% สายชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ 20.6% ซึ่งในปี 2559 ก็จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่าสัดส่วนรายได้จากสายธุรกิจชีวพลังงานจะเพิ่มมากขึ้น และด้วย Profit Margin ที่ดีกว่าก็จะส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรของ KTIS ที่ดีขึ้นด้วย สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2558 กลุ่ม KTIS มีรายได้รวม 19,456.5 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปี 2557 ที่ทำได้ 20,348.8 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในปี 2558 ที่ 729.95 ล้านบาท
แท็ก ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ