กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--ส.อ.ท.
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย
กกร. ประชุมสรุปภาวะเศรษฐกิจเดือนมกราคม 2559 พบว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังคงเริ่มต้นไม่สดใส สะท้อนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบทุกภาคส่วนแผ่วลงจากเดือนก่อน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจเดียวที่ยังคงมีโมเมนตัมเติบโตได้ต่อเนื่อง
การใช้จ่ายภาครัฐ สามารถเบิกจ่ายได้ต่อเนื่อง แต่มีอัตราแผ่วลงในส่วนของงบลงทุนที่เร่งเบิกไปในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2559
การบริโภคภาคเอกชน กลับเข้าสู่โหมดชะลอลง หลังอานิสงส์จากปัจจัยชั่วคราวเริ่มหมดไป ทั้งการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และมาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ยังคงทรงตัวในระดับต่ำ ซึ่งเป็นผลจากกำลังการผลิตที่ยังคงมีเพียงพอ และมาตรการปรับขึ้นภาษีรถยนต์
สำหรับภาคส่งออก ในเดือนมกราคม หดตัวถึงร้อยละ 8.9 หนักสุดในรอบกว่า 3 ปี ด้วยมูลค่ากลับมาแตะระดับ 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวในแทบทุกตลาด แม้แต่ตลาด CLMV ซึ่งในปี 2558 สามารถเติบโตแข็งแกร่งถึงร้อยละ 7.7 ก็ขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ 1.2 โดยมีสาเหตุหลักจากมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป,เคมีภัณฑ์ และปิโตรเคมีคอล ที่ลดลงถึงร้อยละประมาณ 30 (ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของส่งออก ไป CLMV)เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลง
การผลิตภาคอุตสาหกรรม กลับมาหดตัวจากที่ขยายตัวเล็กน้อยในเดือนก่อน ตามหมวดที่ผลิตเพื่อส่งออก อย่างไรก็ดี การผลิตในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มเครื่องปรับอากาศปรับดีขึ้นซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการส่งออกสินค้านี้ไปตลาดสหรัฐฯ
ภาคการท่องเที่ยว เป็นแรงขับเคลื่อนเดียวที่โดดเด่นต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนมกราคมนี้ อยู่ในระดับ 3 ล้านคน นำโดยนักท่องเที่ยวชาวจีน และเริ่มเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวยุโรปชัดเจนมากขึ้น
กกร. สนับสนุนการขับเคลื่อน Digital Economy และ ผลักดันให้ มีการใช้งาน E-Commerce อย่างจริงจัง ตามแนวโน้มทั้งใน ภูมิภาค และ ระดับโลก เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขัน กับ ประเทศอื่นๆได้
สำหรับปัญหาภัยแล้งที่เป็นปัญหารุนแรงมากขึ้นนั้น กกร. จะรณรงค์ ให้ภาคเอกชน ร่วมกัน ประหยัดการใช้น้ำ โดยตั้งเป้าจะลดการใช้น้ำลง 20-30% ภายในเดือนมิถุนายน