กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--IR PLUS
LDC กางแผนปี 2559 เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง คาดมีสาขารวมกันปีนี้ 32 สาขา จากปัจจุบันมี 26 สาขา เน้นเปิดสาขาตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด และเน้นการให้บริการทันตกรรม โดยทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง รวมทั้งบริหารจัดการองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด "ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์" เผยสองเดือนแรกของปีนี้ ทิศ ทางธุรกิจดี เนื่องจากกิจกรรมการตลาดสนับสนุนให้ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่ามาใช้บริการ เพิ่มขึ้น ส่วนการเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้น มั่นใจจำหน่ายหมดทั้งจำนวน โดยเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้ขยายสาขาเพื่อสร้าง Economy of scale เชื่อสร้างรายได้ในอนาคต เริ่มเก็บเกี่ยวรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตั้งแต่ปี 2560 หลังมี 40 สาขาตามเป้าหมาย พร้อมพลิกกลับมามีกำไร
ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้บริการศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางในนามศูนย์ทันตกรรม แอลดีซี ที่มีสาขาครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในปี 2559 มีทิศทางปรับตัวที่ดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากอัตราการเข้าใช้บริการในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศจะไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าการรุกกิจกรรมทางการตลาดในช่วงที่ผ่านมาจะทำให้ ผู้รับบริการหัน มาใส่ใจในเรื่องสุขภาพในช่องปากและฟันเพิ่มขึ้น รวมทั้งการสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้าไปในหัวเมืองใหญ่ ในต่างจังหวัดและประเทศใกล้เคียง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจทันตกรรมปีนี้ของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นการลงทุนจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางงบลงทุนสำหรับขยายสาขาในปี 2559 ถึงปี 2560 รวมอยู่ที่ประมาณ 180 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะหาทำเลเพื่อขยายสาขาใหม่เพิ่มเติมให้ได้รวมกันทั้งสิ้น 40 สาขา ภายในในปี 2560
สำหรับแผนงานในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีสาขาที่เปิดให้บริการรวมกันทั้งสิ้น 32 สาขา จากปัจจุบัน LDC มี 26 สาขาแล้ว ซึ่งสาขาใหม่อีก 6 สาขา บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถทยอยเปิดให้บริการภายในกลางปีนี้ทั้งหมด เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ของสาขาเก่าและสาขาใหม่อย่างเต็มที่ จึงมั่นใจว่าจากปัจจัยดังกล่าว จะสนับสนุนยอดขายทั้งปีให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่กำไรบริษัทฯ ก็ยังคงให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าการเติบโตของรายได้ แต่ทั้งนี้ การลงทุนในลักษณะของการขยายสาขาใหม่ต้องใช้เวลา โดยประมาณการว่าเมื่อมีจำนวนสาขามากถึง 40 สาขา จะก่อให้เกิด Economy of scale ซึ่งบริษัทฯ จะบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา มีมติเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้น โดย จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering: RO) ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.00 บาท และอีกจำนวนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เสนอขายให้แก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ไม่เกิน 50 ราย ในราคาเสนอขายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดของหุ้นสามัญบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ทั้ง ลงทุนเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม , เพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนตราสารทางการเงิน โดยคาดว่าเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ขยายสาขาใหม่ 180 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/2560 ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 100 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/2559 และชำระคืนตั๋ว B/E 100 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3/2559
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) วันที่ 29 เมษายน 2559 วันจองซื้อและชำระค่าหุ้นวันที่ 19 พฤษภาคม และ 23 - 26 พฤษภาคม 2559 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 ปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 และกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 22 เมษายน 2559
"LDC ยังคงเดินหน้าตามแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจในประเทศจะไม่คึกคักเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจทันตกรรมมากว่า 25 ปี ทำธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นในสาขาแรก จนถึงปัจจุบันที่มีสาขารวมกัน 26 สาขาแล้วนั้น LDC มองเห็นโอกาสในการขยายสาขา เนื่องจากยังมีฐานลูกค้าจำนวนมากที่ยังไม่มีหมอฟันประจำ LDC จึงขอเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้าที่ต้องการบริการทันตกรรม ที่ได้มาตรฐาน จากการขยายสาขาให้ได้ 32 สาขาในปี 2559 และคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตขึ้น 60% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้จากสาขาเก่า 85% สัดส่วนรายได้จากสาขาใหม่ 15% และมั่นใจว่าบริษัทฯ จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ ในอนาคต อีกทั้งการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการเงินให้กับ LDC ในการลงทุนเพื่อขยายสาขาต่อไปตามเป้าหมาย จึงมั่นใจว่าจะสามารถจำหน่ายได้หมดทั้งจำนวนและเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ แน่นอน " ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ งวดปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม 318.14 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 341.03 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 22.89 ล้านบาท หรือ 6.71% สาเหตุ เกิดจากรายได้จากการบริการทางการแพทย์ลดลง และการชะลอการใช้จ่ายของลูกค้าในบางสาขา ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจตลอดทั้งปีที่ผ่านมายังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรนัก โดยเฉพาะในช่วงต้นปี จึงส่งผลให้ยอดขายในปี 2558 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 30.62 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี2557 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.09 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 37.71 ล้านบาท หรือ 531.88%สาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวมลดลงนอกจากภาวะทางเศรษฐกิจแล้วยังเป็นช่วงของการลงทุนเปิดสาขา ใหม่ ตั้งแต่ไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4/2558 ซึ่งมีการเริ่มลงทุนรวมทั้งสิ้น 11 สาขา จึงมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่สาขาเปิดใหม่เป็นในช่วงเริ่มต้นของการสร้างฐานลูกค้า จึงยังมีรายได้ค่ารักษาทางการแพทย์ ไม่มากนัก ซึ่งเป็นปกติของการเปิดสาขาใหม่ ในธุรกิจทันตกรรม