กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์อันยาวนานของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนกลยุทธ์ในการขยายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัด และความสามารถในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากวงจรเงินสดที่ค่อนข้างยาวของบริษัทและการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ทั้งนี้ ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ลดลงและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดลดลงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านได้ต่อไป พร้อมทั้งคาดว่าบริษัทจะควบคุมต้นทุนและรักษาความสามารถในการทำกำไรในขณะที่มีการขยายสาขาต่อไปได้
ทั้งนี้ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญได้ในขณะที่ยังคงสามารถรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้ซึ่งพิจารณาจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 30%-35% ได้อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง
บริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำของไทยที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านในรูปแบบคลังสินค้า บริษัทก่อตั้งในปี 2540 โดยนายวิทูร สุริยวนากุล และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2552 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2555 บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นเต็ม 100% โดย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2559 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย ตระกูลสุริยวนากุล (37.04%) และบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น (30.02%)
สาขาแห่งแรกของบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ก่อตั้ง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 38 สาขา มีพื้นที่ขายรวม 921,779 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างที่หลากหลายซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และสินค้าตกแต่งบ้านรวมประมาณ 100,000 รายการ โดยมีการจัดแต่งรูปแบบร้านในแนวคลังสินค้าขนาดใหญ่และมีพื้นที่ขายเฉลี่ยต่อสาขาขนาด 22,000 ตร.ม.
ในปี 2558 การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแอลง โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 การบริโภคภาคเอกชนเติบโต 2.5% และเติบโตเพียง 1.7% และ 1.8% ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 โดยเติบโต 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 หลังจากรัฐบาลไทยประกาศใช้มาตรการลดภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2558 ยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทเติบโต 0.4% และ 4.0% ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2558 อย่างไรก็ตาม ยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทปรับตัวลดลง 3.5% และ 4.5% ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ4 ของปี 2558 ซึ่งส่งผลให้ยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทในปี 2558 หดตัวลง 0.5% การที่ยอดขายจากสาขาเดิมลดลง นอกจากจะเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแล้ว ยังเกิดจากการที่รายได้ของเกษตรกรที่ปรับตัวลงตามราคาผลผลิตทางการเกษตรด้วย ซึ่งทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดลดลง นอกจากนี้ ราคาวัสดุก่อสร้างที่ลดลงยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ยอดขายจากสาขาเดิมลดลงด้วยเช่นกัน
แม้ว่ายอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทจะลดลง แต่ยอดขายรวมของบริษัทในปี 2558 ก็ยังคงเติบโตที่ระดับ 8.4% เมื่อเทียบกับปี 2557 จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ที่เปิดดำเนินการในปี 2557-2558 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 11.4% ในปี 2558 เพิ่มขึ้นจาก 10.7% ในปี 2557 การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนรายได้ของบริษัท โดยบริษัทมีการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของตนเองซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่าสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่นในท้องตลาด การอ่อนค่าของเงินหยวนของจีนเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินบาทของไทยเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อัตราส่วนกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าเงินหยวนที่อ่อนตัวลงมีส่วนช่วยทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทลดลง ในช่วงเดือนกันยายน 2558 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศผ่านทาง บริษัท
โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัทกับบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น โดยบริษัทโกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนลซื้อหุ้น 34% ใน บริษัท สุวันนี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ทั้งนี้ บริษัทโกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 740 ล้านบาท การลงทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 2.9 ล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 15.4% จาก 1,670 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 1,927 ล้านบาทในปี 2558 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 13.34 เท่าในปี 2558 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงอยู่ในระดับดีที่ 34.09% ในปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับ 31.6%-37.9% ในปี 2556-2557
บริษัทวางแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 1,400-1,900 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2559-2561 โดยบริษัทมีแผนจะเปิดสาขาทั้งหมด 7 แห่งต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2559 ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งใช้ระบบอัตโนมัตินี้จะช่วยลดจำนวนพนักงานในคลังสินค้าลง อีกทั้งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลัง และคาดว่าจะช่วยทำให้วงจรเงินสดของบริษัทสั้นลง จาก142 วันในปี 2558
แม้ว่ายอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดที่อ่อนแอลงจากรายได้ของเกษตรกรที่ปรับตัวลงตามราคาผลผลิตทางการเกษตรและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ความสำเร็จในการเจาะตลาดในพื้นที่ใหม่โดยการขยายสาขาจะยังช่วยเพิ่มยอดขายโดยรวมของบริษัท จากกรณีฐานคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 1,600-1,800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการขยายสาขาและการสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่จะทำให้ระดับหนี้สินของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (GLOBAL)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
GLOBAL172A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable