กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูรรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(รมว.กก.) ได้สั่งการไปยังกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวให้เข้มงวดดูแลเรื่องร้องเรียนจากกรณีที่มีการโพสต์คลิปลงในสื่อออนไลน์ในกรณีที่ผู้ขับขี่รถทัวร์นำเที่ยวไม่ยินยอมให้นักท่องเที่ยวซึ่งโดยสารมากับรถคันดังกล่าวนำสินค้าที่ซื้อมาจากร้านอื่นขึ้นรถในพื้นที่เมืองพัทยา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาลผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวรายงานว่าได้เรียกตัวพนักงานขับรถมาพบ ซึ่งทราบชื่อในภายหลังคือ นายสวย พลจันทร์จึงได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ ในข้อหากระทำการใดๆอันเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 106 แห่ง พรบ.การขนส่งทางบก ในอัตราสูงสุดเป็นเงิน 5,000 บาท
นอกจากนี้ ยังได้สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนโยบายรัฐบาลในการป้องกันการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและบุคคลต่างชาติที่เข้ามาลักลอบประกอบธุรกิจในประเทศไทยในลักษณะแอบแฝง โดยกระจายกำลังกันออกกวดขันจับกุมการกระทำผิด ในพื้นที่เมืองพัทยารวม 15 จุดพร้อมกับตรวจสอบสถานประกอบการที่มีลักษณะ "นอร์มินี" ผลปรากฏว่าพบการกระทำความผิดตามพรบ.จราจร และ พรบ. ขนส่งทางบก จำนวน 11 ราย ความผิดตาม พรบ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ จำนวน 2 ราย
และเช้าวานนี้ (7มี.ค.) รมว.กก. ได้ลงพื้นที่ติดตามการตรวจจับนอมินีที่ จ. ภูเก็ต โดยประชุมร่วมกับคณะกรรมการกลั่นกรองการจดทะเบียนธุรกิจเพื่อป้องกันการประกอบธุรกิจนอมินี โดยมีนายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และนายประเจียด อักษรธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยผู้แทนจากภาคเอกชน ได้แก่สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอันดามัน หอการค้าจังหวัดภูเก็ตสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวและสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมประชุมและให้ข้อมูลซึ่งจากการประชุมหารือทำให้ได้ทราบวิธีการของนอมินีว่ากว่า 95% ของการจดทะเบียน จะมีการจดผ่านทางสำนักงานบัญชีหรือสำนักงานทนายความซึ่งพบว่ามีรายชื่อของผู้ก่อตั้งหรือผู้ถือหุ้นซ้ำๆกันอยู่ในหลายบริษัทโดยธุรกิจนอมินีที่ตรวจจับแล้วขณะนี้อยู่ในกระบวนการดำเนินการอย่างเข้มงวด
พร้อมกันนี้ได้เพิ่มมาตรการเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนโดยขอความร่วมมือผ่านทางสำนักงานตรวจสอบบัญชีให้ติดตามตรวจสอบเรื่องการจดทะเบียนตรวจสอบการจ่ายภาษีของผู้ถือหุ้นและปปง.จะเข้ามาตรวจสอบกระบวนการเส้นทางการเงินกรณีเปิดใหม่ก็จะให้เอกชนและท้องถิ่นเข้ามาร่วมเป็นคณะตรวจสอบซึ่งรูปแบบการดำเนินการดังกล่าวนี้เริ่มใช้แล้วที่จังหวัดภูเก็ตโดยปัญหาที่พบคือมีจำนวนบริษัทที่เปิดดำเนินการอยู่เป็นจำนวนมากเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวก็มีมากกว่า7,000 บริษัทจึงได้ขอความร่วมมือให้กรมสรรพากรพิจารณาเรื่องการเพิ่มเจ้าหน้าที่พนักงานเพื่อให้สามารถเร่งติดตามงานได้รวดเร็วมากขึ้น
รมว กอบกาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในระยะกลางและระยะยาว จะต้องมีการปรับกฎหมายซึ่งได้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์โดยทั้งหมดจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงว่าประเทศเรายังต้องการการลงทุนประเภทใดอยู่บ้างเราจะต้องเข้มงวดสำหรับนักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะในธุรกิจบางประเภทที่มีผลต่อขีดการแข่งขันไทยกับประเทศเพื่อนบ้านส่วนระยะเวลาและวิธีการที่ใช้ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการเติบโตทางธุรกิจของไทยต่อไป