กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือประเทศศรีลังกา โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรม (Industrial Development Board) ยกระดับความร่วมมือการลงทุนภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ ใน 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมอัญมณี อุตสาหกรรมชา และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการส่งเสริมการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การส่งเสริมธุรกิจระหว่างกัน รวมถึงการส่งออกสินค้าของไทยไปศรีลังกา อาทิ ปูนซีเมนต์ ผ้าผืน ปลาแห้ง เม็ดพลาสติก น้ำตาลทราย ฯลฯ ในขณะที่ไทยนำเข้าสินค้า เช่น อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ผลิตภัณฑ์โลหะ ผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป จากศรีลังกา
ดร.สมชาย หาญหิรัญ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศศรีลังกามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ไทยกำลังมองหาประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)เพื่อขยายฐานตลาดในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ไทยและศรีลังกามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจที่ดีมาโดยตลอด มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 548.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่มา:กระทรวงการต่างประเทศ) และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศรีลังกาเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub) ที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียกับตะวันออกกลางและยุโรป จึงเป็นโอกาสของไทยในการมาเปิดตลาดในภูมิภาคนี้ ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปศรีลังกา อาทิ ปูนซีเมนต์ ผ้าผืน ปลาแห้ง เม็ดพลาสติก น้ำตาลทราย เป็นต้น ในขณะที่ไทยนำเข้า อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ผลิตภัณฑ์โลหะ ผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป จากศรีลังกา
ดร.สมชาย กล่าวต่อว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรม (Industrial Development Board) ของศรีลังกา จึงได้หารือเพื่อยกระดับความร่วมมือการลงทุนภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการส่งเสริมธุรกิจระหว่างกัน โดยจะเริ่มต้นที่อุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นอุตสาหกรรมโดดเด่นของทั้งสองประเทศ ได้แก่
1. อุตสาหกรรมอัญมณี ศรีลังกามีเหมืองพลอยที่สำคัญและมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านอัญมณี ในขณะที่ไทยมีนักออกแบบเครื่องประดับและนักธุรกิจอัญมณี แฟชั่นที่สามารถเสริมกันได้ รวมทั้งการเพิ่มโอกาสในการพบปะระหว่างนักลงทุนของทั้งสองประเทศ
2. อุตสาหกรรมชา ศรีลังกาเป็นแหล่งผลิตชาที่สำคัญและมีชื่อเสียง สามารถผลิตชาได้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและอินเดีย มีองค์ความรู้ในด้านการหมักชา ในขณะที่ไทยเริ่มมีการปลูกชาในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย มีการส่งเสริมการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ชาเชียงราย อีกทั้งประเทศไทยมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีการแปรรูป ซึ่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมวางแผนในการส่งเสริมและสร้างความร่วมมือในการพัฒนนาคุณภาพชา รวมทั้งการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชาต่อไป
3. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ศรีลังกาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต สินค้าที่สำคัญคือผัก ผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งยังมีโอกาสที่ธุรกิจอุตสาหกรรมของไทยจะสามารถเข้ามาทำการค้าการลงทุนได้ เนื่องจากศรีลังกามีผลผลิตทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก โดยไทยจะเสนอให้มีโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการแปรรูปอาหาร การผลักดันการร่วมลงทุนในด้านเครื่องจักรแปรรูปอาหาร การสร้างความร่วมมือเพื่อขยายฐานการผลิตสินค้าประเภทอาหารไทยในศรีลังกาต่อไป ดร.สมชาย กล่าว
ทั้งนี้ การร่วมลงนามความร่วมมือดังกล่าว มี ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กับนายมหินดา จินะเสนา ประธานคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมของศรีลังกา เป็นผู้ลงนามความร่วมมือ โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นสักขีพยาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ประเทศศรีลังกา สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจโครงการต่าง ๆ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักพัฒนาการจัดการ อุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 4426-7 หรือ เข้าไปที่ www.dip.go.th หรือwww.facebook.com/dip.pr