องค์การเภสัชกรรมแนะการใช้ยาลดไข้-แก้ปวด

ข่าวทั่วไป Friday January 12, 2001 10:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--องค์การเภสัชกรรม
องค์การเภสัชกรรมแนะนำการใช้ยาลดไข้-แก้ปวด พร้อมเตือนผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ โรคเลือด และโรคตับ ให้ระวังก่อนใช้ยา นายแพทย์ กฤษฎา มนูญวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า อาการไข้เป็นปฏิกิริยาต่อต้านอย่างหนึ่งของร่างกาย เมื่อได้รับสิ่งแปลกปลอมหรือมีความผิดปกติเกิดขึ้น รวมทั้งเป็นอาการรวมของโรคไม่ว่าจะเป็นหวัด ติดเชื้อ อักเสบ ซึ่งวิธีการดูแลรักษาขั้นต้นคือ ให้ดื่มน้ำมาก ๆ ถ้าเป็นเด็กให้เช็ดตัวเพื่อลดความร้อน และให้รับประทานยาลดไข้ จากนั้นควรพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการมีไข้
นายแพทย์กฤษฎา กล่าวว่า ยาลดไข้มักมีฤทธิ์ลดอาการปวดควบคู่ไปด้วย แต่จะมีฤทธิ์ในการลดไข้ หรือฤทธิ์ในการแก้ปวดมากน้อยต่างกันไปตามประเภทของยา โดยยาแอสไพริน มีฤทธิ์ในการลดไข้แก้ปวด และลดอาการอักเสบ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการรักษาโรคข้อ กระดูกอักเสบ แต่ยาชนิดนี้มีความเป็นกรด จะกัดกระเพาะเมื่อรับประทานเวลาท้องว่างหรือทานติดต่อกันนาน ๆ ยาพาราเซตามอล เป็นยาลดไข้แก้ปวดที่มีความปลอดภัยมากกว่า ยาแก้ปวดพวกที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ มักใช้ในอาการปวดที่ใช้ยาพาราเซตามอลแล้วไม่ค่อยได้ผล เช่น ปวดฟัน ปวดข้อ ปวดกระดูก ปวดหัวข้างเดียว ปวดจากการผ่าตัด หรือเป็นไข้สูง ๆ ยากลุ่มนี้เช่นไอบูโพรเฟน ซึ่งมีอันตรายในแง่ของการระคายเคือง และกัดกระเพาะค่อนข้างมาก ฉะนั้นให้กินหลังอาหารทันที ยาแก้ปวดที่รุนแรงกว่ายาเหล่านี้ ได้แก่พวกมอร์ฟีน ใช้ในกรณีที่ปวดหลังผ่าตัด ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่รุนแรง
ยาแก้ปวดลดไข้กลุ่มที่ปลอดภัยที่สุดคือ พาราเซตามอล แต่ยาทุกตัว หากใช้เกินขนาดที่กำหนดจะเป็นอันตราย ดังนั้น ผู้ใช้ควรอ่านฉลาก วิธีใช้ และข้อควรระวัง ตลอดจนคำแนะนำต่าง ๆ ก่อนใช้ ทุกครั้ง--จบ--
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ