“บิสซิเนสอะไลเม้นท์” แต่งตั้ง APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จ่อยื่นไฟลิ่ง ขายไอพีโอ 100 ล้านหุ้น ในช่วงมี.ค.-เม.ย.นี้ คาดเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในปี”59

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 15, 2016 15:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--IR network บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่เน้นในเรื่องการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษาเป็นหลัก เตรียมยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 100 ล้านหุ้น ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ คาดเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในปี"59 งานนี้ได้ที่ปรึกษาทางการเงินมือฉมังจาก "แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM)" เป็นพี่เลี้ยง มั่นใจได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานแกร่ง! ชูจุดแข็งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือการแพทย์ที่เน้นในเรื่องการรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉายแสง นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณ "บิสซิเนสอะไลเม้นท์" ที่วางใจเลือกให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทฯที่มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก โดยเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวน เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายปี 2559 โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน สำหรับจุดเด่นและความน่าสนใจของบิสซิเนสอะไลเม้นท์คือตัวผลิตภัณฑ์ (ชุดเครื่องฉายรังสี และเครื่องมืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ชุดระบบคอมพิวเตอร์วางแผนการรักษา ชุดทวนสอบคุณภาพและปริมาณรังสี เป็นต้น) ที่บริษัทจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะทาง ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก เพื่อที่จะสามารถดูแลและให้บริการกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายชุดผลิตภัณฑ์จากบริษัทผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆในวงการแพทย์ด้านรังสีระดับโลก ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกา อีกทั้งปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งในประเทศมีเพิ่มมากขึ้น แต่เครื่องมือในการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงยังขาดแคลนอยู่อีกมาก ซึ่งทำให้ความต้องการเครื่องมือดังกล่าวอยู่ในระดับสูง ดังนั้นบริษัทเชื่อว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จะทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน ด้านนายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในการเป็นตัวแทนนำเข้า จำหน่าย ติดตั้ง และการให้บริการดูแลและซ่อมบำรุงเครื่องมือแพทย์ โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งเป็นหลัก กล่าวว่า บริษัทฯมีความพร้อมในทุกๆ ด้านแล้ว ที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยได้แต่งตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน สำหรับวัตถุประสงค์ในการการระดมทุนครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ก็มีแผนที่จะใช้เงินทุนดังกล่าวเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต เนื่องจากเราคาดว่าบริษัทมีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจค่อนข้างมาก เพราะปัจจุบันเครื่องมือสำหรับการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูงยังมีไม่เพียงพอในประเทศไทย ดังนั้นหากบริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้น บริษัทจะต้องการเงินทุนหมุนเวียนค่อนข้างสูง เพราะโครงการแต่ละโครงการที่บริษัทจำหน่ายมีมูลค่าที่สูง ดังนั้นบริษัทจึงเชื่อมั่นใจว่าหุ้นไอพีโอของบริษัทฯจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เมื่อมีการเปิดให้จองซื้อหุ้นและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ mai ในอนาคต "การตัดสินใจระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ หรือ mai ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่งของบริษัทที่จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น และทำให้บิสซิเนสอะไลเม้นท์เป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังคงไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา และส่งเสริมคุณภาพชีวิตในด้านการดูแลสุขภาพ และการให้บริการด้านอุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์ด้านรังสีรักษา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค และส่งเสริมคุณภาพชีวิตต่อประชาชน อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต" นายสมพงษ์ กล่าวในที่สุด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงแผนธุรกิจระยะกลางถึงระยะยาวว่า บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ในการจำหน่ายมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เกี่ยวกับการดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล (Homecare) เช่น เครื่องผลิตออกซิเจน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจและกระจายความเสี่ยงต่อธุรกิจปัจจุบันของบริษัท ทั้งนี้มองว่าแนวโน้มของผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวจะมีความต้องการใช้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น สำหรับการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การแพทย์ โดยเป็นผู้นำเข้าเครื่องมือแพทย์จากหลายประเทศทั่วโลก จากประสบการณ์กว่า 15 ปีกับสินค้าเครื่องมือแพทย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้นำทางด้าน เครื่องมือแพทย์ด้านรังสีรักษา เพื่อบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ให้แก่โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน โดยบริษัทฯเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ Varian Medical System Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ IBA ประเทศเยอรมันนี ผลิตภัณฑ์ Themo Fisher ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ Xstrahl ประเทศอังกฤษ และผลิตภัณฑ์ C Rad ประเทศสวีเดน นอกจากนั้นยังนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ CIRS ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ Radiation Product Design ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ Mobius ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ Deltabit ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 ส่วน ดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์ประเภทชุดเครื่องฉายรังสี (Treatment Delivery) 2. ผลิตภัณฑ์ประเภทระบบคอมพิวเตอร์วางแผนการรักษา (Treatment Planning System) 3. ผลิตภัณฑ์ประเภทระบบฐานข้อมูลผู้ป่วยด้านรังสีรักษา (Oncology Information System) 4. ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องตรวจสอบและทวนสอบคุณภาพลำรังสีและแผนการรักษา (Quality Assurance and Pretreatment Verification Tool) 5. ผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ (Accessories) นอกจากนี้บริษัทยังมีการให้บริการซ่อมบำรุงรักษาชุดเครื่องมือทางการแพทย์ (Maintenance Service) ที่บริษัทได้จำหน่ายไปแล้ว สำหรับผลการดำเนินงานของ "บิสซิเนสอะไลเม้นท์" ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (2556-2558) มีรายได้รวม 685 ล้านบาท, 1,064 ล้านบาท และ 319 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณร้อยละ 7-10 บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด มีหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มีทุนจดทะเบียนจำนวน 150 ล้านบาท และเรียกชำระเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียน โดยหลังการขายหุ้น IPO ทุนจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านบาทและมีหุ้นสามัญรวมทั้งหมด 400 ล้านหุ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ