กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) อำนวยการติดตาม ซักซ้อมการเฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง ครั้งที่ 9/2559 ในวันที่ 4 มีนาคม 2559 สั่งการให้จังหวัดประเมินสถานการณ์ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคระดับครัวเรือน โดยใช้กลไกของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จัดเก็บข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์ วางแผน เตรียมการให้ความช่วยเหลือประชาชน สำหรับจังหวัดที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ให้เพิ่มความเข้มข้นในการรณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนจังหวัดที่ภัยแล้งรุนแรงเกินขีดความสามารถให้ประสานขอรับการสนับสนุน อุปกรณ์จากส่วนกลางในการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งในครั้งนี้ไปได้ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน
นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) อำนวยการติดตาม ซักซ้อมการเฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง ครั้งที่ 9/2559 กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งของประเทศมีแนวโน้มรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 12 จังหวัด 47 อำเภอ 217 ตำบล 1,902 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 2.54 ของหมู่บ้านทั่วประเทศ รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้ง จึงได้สั่งการให้จังหวัดประเมินสถานการณ์ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคระดับครัวเรือนที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งถึงเดือนพฤษภาคม 2559 ในพื้นที่ 62 จังหวัด ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ โดยให้จังหวัดแจ้งทุกอำเภอดำเนินการสำรวจข้อมูล ในพื้นที่ระดับครัวเรือน หมู่บ้าน ตำบล โดยใช้กลไกของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการตรวจสอบข้อมูลของแต่ละหมู่บ้าน เพื่อเก็บข้อมูลจำนวนประชากร ข้อมูลน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค สภาพพื้นที่หมู่บ้านว่าตั้งอยู่ในเขตหรือนอกเขตชลประทาน รวมถึงข้อมูลการใช้น้ำประปา ทั้งประปาภูมิภาค ประปาท้องถิ่น หรือประปาอื่นๆ จำนวนแหล่งน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึงบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่ และคาดการณ์ปริมาณน้ำอุปโภคบริโภคถึงเดือนพฤษภาคม 2559 เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ วางแผนการบริหารจัดการน้ำ และเตรียมการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นพิเศษ ได้แก่ บริเวณเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งพบว่ามีการใช้น้ำเพิ่มขึ้น จึงได้ประสานจังหวัดเร่ง สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดมหาสารคามถึง สถานการณ์น้ำและความจำเป็นในการบริหารน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิด ประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคตลอดช่วงฤดูแล้ง โดยลดการจ่ายน้ำและปรับเปลี่ยนช่วงเวลาในการจ่ายน้ำ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาน้ำสนับสนุนให้กับพื้นที่ขาดแคลนน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงเกินขีดความสามารถของจังหวัด สามารถขอรับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยในการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งจากส่วนกลาง พร้อมให้รายงานสถานการณ์ แนวทางการแก้ไขปัญหาต่อกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำที่มีจำกัดอย่างประหยัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่ภาครัฐกำหนด ส่งผลให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งในครั้งนี้ไปได้ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th