กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--ชีวาทัย
บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่ผ่านมา "ชีวาทัย" ได้พัฒนาโครงการภายใต้การดำเนินงานกลุ่มชีวาทัยทั้งสิ้น 9 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดเนียม 7 โครงการ กลุ่มพัฒนาพื้นที่โรงงานให้เช่า 2 โครงการ ซึ่งภายในระยะเวลา 8 ปี ได้ตอบรับจากกลุ่มลูกค้า ผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี รวมมูลค่าแล้วกว่า 6,870 ล้านบาท และผลประกอบการในปี 2558 ที่ผ่านมา ยอดขายทะลุเป้ากว่า 1,402 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านๆ มา ด้วยศักยภาพในการดำเนินงาน ทีมบริหารที่มีคุณภาพ พร้อมเตรียมบุกตลาด ปรับแผนการตลาด กลยุทธ์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2559 เชื่อว่าจะทำให้ "ชีวาทัย" แข็งแรงเติบโตไปอีกขั้นในปีนี้ และในอนาคตอย่างแน่นอน
นายชาติชาย พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ปิดท้ายไตรมาสที่ 4 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องรัฐบาลช่วยผลักดันมาตรการกระตุ้น สนับสนุนเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย พร้อมลดค่าธรรมเนียมโอน และจดจำนอง (สิ้นสุด 30 เม.ย.59) คาดว่าจะทำให้ตลาดเติบโตจากปี 2557 ราวร้อยละ 15 จากมูลค่าตลาดรวม 3.4 แสนล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดคอนโดมิเนียม ในย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก เห็นได้ชัดจากการเปิดโครงการใหม่ที่มีความคึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีราคาตั้งแต่ระดับ กลาง ไปถึงระดับสูง และในปีที่ผ่านมาโครงการภายใต้ "ชีวาทัย" ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดผู้ซื้อ ซึ่งโครงการของเราจะเน้นที่ โลเคชั่นเป็นหลัก ตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์ของผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อการเลือกซื้อ และมั่นใจในศักยภาพของ "ชีวาทัย" ทำให้ในปีที่ผ่านมาเราเติบโตเกินเป้าที่เราวางไว้
นายชาติชาย กล่าวอีกว่า ด้วยศักยภาพของชีวาทัย เราได้พันธมิตรร่วมทุนที่ดีอย่าง TEE Development Pte Ltd ในเครือ TEE Land Ltd. ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ เป็นพันธมิตรถือหุ้นร่วมในสัดส่วนที่ร้อยละ 49 ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง พัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในประเทศสิงคโปร์และเอเชีย ดังนั้นทำให้เรามั่นใจในศักยภาพของเรา พร้อมก้าวสู่ตลาดการแข่งขันในการพัฒนาโครงการทั้งที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในปีนี้และในอนาคต ภายในปีนี้ "ชีวาทัย" ยังเตรียมผุดโปรเจค โครงการดีๆ อีกหลายโครงการรองรับการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
"ชีวาทัย เราให้ความสำคัญในคุณภาพของงานและโครงการเป็นหลัก และให้ความสำคัญในการเลือกทำเลที่ตั้งอันเป็นโจทย์แรกของผู้อาศัยในสังคมปัจจุบัน ประกอบกับการวางมาตรฐานและราคาให้มีความเหมาะสมและตอบโจทย์ในตลาดของผู้ซื้อในปัจจุบัน และในการเลือกวัสดุภายในโครงการเราให้ความใส่ใจในรูปแบบทันสมัย ตรงกับไลฟ์สไตล์เทรนด์ที่อยู่อาศัยในสังคมปัจจุบัน หากมองในองค์ประกอบภาพรวมจะเห็นว่า ชีวาทัยให้ความสำคัญในทุกๆ ด้านอันเป็นปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดของผู้อยู่อาศัย ดังนั้นปัจจัย 2 สิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือ 1.คอนโดมิเนียม บ้าน ที่อยู่อาศัยต้องมีการเดินทาง คมนาคมที่สะดวก 2.ที่อยู่อาศัยต้องตอบโจทย์ผู้อยู่ ภายใต้โครงการต้องรองรับไลฟ์ไตล์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และภาพลักษณ์ของโครงการเป็นเสมือนตัวตนของผู้อยู่อาศัย" นายชาติชายกล่าวทิ้งท้าย
มร.บุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยศักยภาพและความเชื่อมั่นใจในการดำเนินงานของเรามากว่า 8 ปีที่ผ่านมา จากความสำเร็จของการพัฒนาโครงการที่ผ่านมา ชีวาทัยได้ทำการพัฒนาโครงการทั้งในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบที่อยู่อาศัย และพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าที่พัฒนาทั้งหมด 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 6,870 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการที่ก่อสร้างเสร็จและปิดการขายแล้ว 1 โครงการคือ โครงการคอนโดมิเนียม เดอะ สุรวงศ์ ความสูง 8 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 52 ยูนิต และโครงการที่ก่อสร้างเสร็จและอยู่ระหว่างการขายอีก 5 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาทัย ราชปรารภ ความสูง 26 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 325 ยูนิต โครงการชีวาทัย รามคำแหง ความสูง 33 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 535 ยูนิต โครงการฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วาน ความสูง 8 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 792 ยูนิต โครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ความสูง 26 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 279 ยูนิต และโครงการฮอลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ ความสูง 8 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 427 ยูนิต อีกหนึ่งโครงการที่เราต้องการพัฒนาโครงการรองรับตลาดผู้อยู่อาศัยระดับ Luxury กับ โครงการชีวาทัย บางโพ ด้วยทำเลที่ตอบโจทย์ใกล้วิวแม่น้ำ การเดินทางคมนาคมที่รองรับทั้ง MRT สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) ทางด่วน ใกล้สนามบิน ใกล้แหล่งชอปปิ้ง อีกทั้งเป็นอาคารสูง 24 ชั้น จำนวน 172 ยูนิต เปิดราคาขายโดยเฉลี่ยตารางเมตรละ 130,000 บาท มูลค่าโครงการอยู่ที่ 1,040 ล้าน
"ส่วนการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปให้เช่ามีทั้งสิ้น 2 โครงการ ในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยโครงการแรกประกอบด้วยโรงงานสำเร็จรูป 10 หลัง บนที่ดิน 26 ไร่เศษ มีพื้นที่ให้เช่ารวม 17,120 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้เช่าพื้นที่ ส่วนโครงการที่ 2 ประกอบด้วย โรงงานสำเร็จรูป 4 หลัง บนที่ดินกว่า 13 ไร่ มีพื้นที่ให้เช่ารวม 9,100 ตารางเมตร มูลค่า 175 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาพื้นที่ให้เช่าของชีวาทัยในปีที่ผ่านมา"
มร.บุญ ชุน เกียรติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในปีที่ 2558 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดรายได้รวมที่ 1,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 218 จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 413 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 93 จากปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการในการดำเนินงานถือว่าเติบโตและมีรายรับที่เกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้ แผนการในการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเราในปีนี้ เราตั้งเป้าในการปรับแบรนด์ให้เข้ากับตลาดกลุ่มผู้ซื้อ ผู้อยู่อาศัย โดยแบรนด์ "ชีวาทัย" เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับพรีเมียม และแบรนด์ "ฮอลล์มาร์ค" เป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมที่รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย และอีกหนึ่งแบรนด์ใหม่ "ชีวารมย์" ที่เราต้องการพัฒนาตลาดบ้านและทาวน์โฮม เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตของเรา
"ภายในปี 2559 แผนการพัฒนาโครงการของชีวาทัย เราจะพัฒนาทั้งในส่วนของคอนโดมิเนียม และกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเรายังมั่นใจในศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งในอนาคตการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์เราเชื่อว่าจะยังคงเดินหน้าไปพร้อมๆ กับการขยายตัวของการพัฒนาด้านคมนาคมภายในประเทศ และที่เห็นเด่นชัดคือ อสังหาริมทรัพย์แนวรถไฟฟ้า (BTS MRT) ทั้งใต้ดินและบนดินมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ "ชีวาทัย" ยังเตรียมความพร้อมในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ (MAI) เพื่อเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งของ "ชีวาทัย" สอดคล้องกับแนวคิด "ชีวาทัย" Build a Life" มร.บุญ ชุน เกียรติ กล่าวสรุป