กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--กองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี
หนึ่งในตัวอย่างดีๆ สำหรับเยาวชนไทย "เจ" นายกิตติพงศ์ วงษ์มหิงส์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 (หลักสูตรต่อเนื่อง) ภาควิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ล่าสุดกับรางวัลเยาวชนคนเก่งรุ่น 7 ในโครงการด้วยรักและห่วงใย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เจ เล่าว่า สำหรับรางวัลเยาวชนคนเก่งรุ่น 7 การคัดเลือกเยาวชนผู้มีความประพฤติดี มีผลการเรียนดี มีความสามารถในด้านต่างๆ อายุระหว่าง 15 – 22 ปี จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ เข้ารับเข็มพระราชทาน เครื่องหมายพระนามาภิไธยพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญแก่เยาวชนคนเก่งในการดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเยาวชนทั่วไป เป็นอีกรางวัลที่ตนเองภาคภูมิใจ โดยตนเองเคยได้รับรางวัลเมื่อปี พ.ศ.2555 รางวัลชมเชยพระราชทาน พ.ศ.2556 รางวัลผู้มีความประพฤติดี จากพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รางวัลเหรียญเงินระดับประเทศสาขา CNG (เครื่องกลึง) ในการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 25 (World Skills Thailand 2014) พ.ศ.2557 รางวัลนักศึกษาดีเด่น ด้านคุณธรรมและจริยธรรม ระดับประเทศ จากสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา และธนาคารออมสิน พ.ศ.2558 รางวัลเยาวดีเด่นแห่งชาติ สาขาศีลธรรม จริยธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตนเองเกิดจากครอบครัวเล็กในจังหวัดสระบุรียึดอาชีพการทำไร่ข้าวโพด มีพี่น้องสองคน ตนเองเป็นคนเล็ก ฐานะทางบ้านปานกลาง พ่อและแม่จะปลูกฝังและสั่งสอนให้รู้จักพอเพียง ระหว่างที่เรียนมีเวลาว่างจะหางานทำ เพื่อหารายได้พิเศษ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งตนเองมีแบบอย่างในดำเนินชีวิตคือพ่อและแม่ ท่านเป็นบุคคลที่จุดประกายความเพียรพยายามให้กับตนเอง ทำงานส่งลูกศึกษาด้วยอาชีพที่สุจริต รอวันที่ตนเองสำเร็จการศึกษา ว่างจากการเรียนหรือปิดภาคการเรียนจะช่วยงานที่ไร่ข้าวโพดให้ได้มากที่สุด ตนเองเป็นความหวังของที่บ้านที่เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี เพราะว่า ในการศึกษาระดับที่สูง เป็นองค์ความรู้ที่สามารถใช้ในการดำเนินชีวิตได้ ส่งผลต่อการประกอบอาชีพในอนาคต "ไม่ถึงก็ต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยัน" คนเราไม่ได้เก่งทุกเรื่อง แต่ถ้าตั้งใจที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นได้แน่นอน
โดยสำเร็จการศึกษาในระดับ ม.ต้น มาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์พุแค สระบุรี หลังจากเรียนชั้นมัธยมชั้นปีที่ 3 จบ ช่วงนั้นมีบริษัทมาเปิดแถวบ้าน ตอนนั้นคิดว่าถ้าเข้าศึกษาสาขาอาชีพ เป็นช่องทางในการเข้าทำงานได้ดีจึงตัดสินใจเรียนทางด้านสายอาชีพ สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. สาขาเครื่องกล ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.99 และระดับ ปวส. สาขาเทคนิคการผลิต ซึ่งได้รับรางวัลนักเรียนที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.94 ที่วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี และได้เป็นนักศึกษาทุนของ SCG ได้รับทุนการจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ระหว่างเรียนได้ทำกิจกรรมมากมาย เมื่อปี พ.ศ.2556 เป็นแกนนำนักศึกษาในฐานะนายกองค์การวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรม Fix it Center ออกหน่วยบริการชุมชน ตำแหน่งนายกสโมสรลีโอสระบุรี โดยเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรไลออนส์สากล
เมื่อสำเร็จการศึกษาได้รับโควต้า จาก มทร.ธัญบุรี ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และมองว่าเป็นสิ่งที่ถนัดและชอบ ได้ศึกษากระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม เรียนทักษะช่าง จึงสนใจทางด้านนี้ และที่สำคัญอยากเป็นวิศวกร ปัจจุบันเกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.11 เนื่องจากตนเองเรียนสายอาชีพ วิชาสามัญบางตัวไม่ได้เรียนผ่านมา ต้องมีการปรับตัว คอยๆ เรียนรู้ ในห้องเรียนจะตั้งใจเรียน อาศัยความเข้าใจ ถ้าเรื่องไหนไม่เข้าใจจะถามอาจารย์ต่อหลังจบคาบเรียน เพื่อสร้างความเข้าใจ ถ้ายังไม่เข้าใจจะหาความรู้นอกห้องเรียนเพิ่มเติม เช่น หาที่เรียนพิเศษ และให้เพื่อนติวให้
ทุกวันเยาวชนไทยควรได้รับการปลูกฝังในเรื่องการไม่คดโกง และรู้รักสามัคคี รักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าได้ซึมซับตั้งแต่เด็ก สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น เมื่อทุกคนได้คิด ปัญหาสังคมจะไม่เกิด ดังนั้นสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันแรกที่ควรจะปลูกฝังเรื่องนี้ให้กับเด็ก สำหรับตนเอง"จิตสำนึก" คือสิ่งแรกที่ควรจะมี ทุกวันนี้จะถามตนเองเสมอเกิดมาเพื่ออะไร นอกจากการใช้ชีวิตไปวันๆ ดังนั้นควรทำประโยชน์เพื่อสังคมนอกจากการเรียน "การทำจิตอาสาในแต่ละครั้ง ได้รู้จักเพื่อน ได้เจอผู้คน ฝึกการทำงาน ในสังคมอื่น ได้รับรู้ทัศนคติของแต่ละคน ชีวิตมีค่ามากกว่าการใช้ชีวิตไปวันๆ รางวัลที่ผมได้รับแต่ละรางวัลเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี ในการใช้ชีวิตในสังคมในแต่ละวัน ใช้ชีวิตให้มีคุณค่า และคุ้มค่าที่สุด" เจ กล่าวทิ้งท้าย