กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายพรชัย ฐีระเวช รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม แถลงมาตรการเศรษฐกิจที่ผ่านการพิจารณา ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ร่าง พ.ร.บ.การเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ... จะกำหนดกรอบวินัยการเงินการคลัง ของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ โดยสาระสำคัญคือการกำหนดวินัยการเงินการคลังของรัฐเป็นการทั่วไปที่ก่อให้เกิดภาระผูกพันพิเศษนอกเหนือภารกิจปกติมากกว่า 1 ปี กำหนดวินัยการเงินการคลังของรัฐเป็นเฉพาะด้าน 6 ด้าน คือ รายได้แผ่นดิน รายจ่าย แนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน การก่อหนี้ การบริหารการเงินและทรัพย์สิน และเงินนอกงบประมาณและทุนหมุนเวียน (อ่านรายละเอียดจากข่าวแถลงกระทรวงการคลังฉบับที่ 35/2559)
2. การแก้ไข พ.ร.บ.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ในส่วนของการค้ำประกันจากเดิม พ.ร.บ.ระบุไว้ให้คำประกันเฉพาะการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ นั้นได้ขยายให้สามารถค้ำเงินกู้เพื่อ SME จากไฟแนนซ์และจากแหล่งเงินกู้อื่นๆได้ด้วย พร้อมกำหนดให้ บสย.เป็นสถาบันการเงิน เพื่อให้หนี้ทั้งหมดได้รับการยกเว้นให้มีอำนาจสวมสิทธิ์ลูกหนี้ในการดำเนินคดีได้ ทั้งนี้ในส่วนของโครงการบ้านประชารัฐ คาดว่าจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า (อ่านรายละเอียดจากข่าวแถลงกระทรวงการคลังฉบับที่ 36/2559)
3. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social enterprize) จะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฏหมาย และต้องมีคำว่า "วิสาหกิจเพื่อสังคม" ในชื่อบริษัทที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จากนั้นขอการรับรองจากคณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ และรอการอนุมัติจากกรมสรรพากร โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่จะได้รับคือกรณีนำกำไรร้อยละ 100 ไปใช้เพื่อสังคมจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 1 เท่าของเงินลงทุนทั้งผู้บริจาคและผู้ลงทุน กรณีนำกำไรไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ไปใช้เพื่อสังคม ลดหย่อนภาษีได้เฉพาะผู้บริจาค ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศใช้เป็นพระราชกฤษฎีกา และมีผลบังคับใช้ได้ทันที (อ่านรายละเอียดจากข่าวแถลงกระทรวงการคลังฉบับที่ 37/2559) ณ ห้องแถลงข่าวกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559