กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่หันมาใช่สมาร์ทโฟนกันมากขึ้น เพราะมีความสะดวกสะบาย และง่ายต่อการติดตามข้อมูลข่าวสาร และที่สำคัญสมาร์ทโฟนยังมีแอพลิเคชั่นและการบริการต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ด้วย และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จึงคิดค้นและพัฒนาแอพลิเคชั่น ในเรื่องการแพทย์ฉุกเฉินขึ้น
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า สพฉ. ได้พัฒนาแอพลิเคชั่น ชื่อ EMS 1669 ซึ่งเมื่อเกิดเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยสามารถเรียกรถพยาบาลได้ทันที เสมือนกับการแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินผ่านโทรศัพท์สายด่วน 1669 แต่ข้อดีของการบริการนี้ คือสามารถระบุพิกัดตำแหน่งที่อยู่ของผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างแม่นยำ ทำให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยได้รวดเร็วมากขึ้น
"ดังนั้นขอเชิญชวนให้ทุกคน ดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นนี้ไว้ติดเครื่อง เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นเมื่อใด โดยแอพลิเคชั่นนี้สามารถใช้ได้ทั้งในระบบแอนดรอยและระบบไอโอเอส และเมื่อดาวน์โหลดแล้ว ควรไปกรอกข้อมูลส่วนตัวทั้งชื่อ-สกุล เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ โรคประจำตัว หรือยาที่แพ้ เตรียมไว้ ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะทุกวินาทีหากช่วยเหลือได้เร็วขึ้น นั่นหมายถึงโอกาสรอดชีวิตที่เพิ่มขึ้นด้วย" นพ.อนุชา กล่าว
ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยฉุกเฉิน ก็เพียงแค่กดปุ่มเรียกรถพยาบาล จะทำให้ศูนย์สั่งการรู้พิกัดจุดเกิดเหตุ และส่งทีมกู้ชีพออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการฉุกเฉินได้ทันที นอกจากนี้ ผู้แจ้งเหตุยังสามารถแนบไฟล์ภาพเหตุการณ์ เพื่อแจ้งสถานการณ์เพิ่มเติมได้ด้วย รวมทั้งสามารถแจ้งเหตุเพิ่มเติมผ่านการสนทนากับศูนย์สั่งการได้อีกด้วย นอกจากนี้แอพลิเคชั่น EMS 1669 ยังมีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน อาทิ แนวทางการช่วยเหลือผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะ ได้รับสารเคมี ภาวะเลือดออก หมดสติกะทันหัน หัวใจวาย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น รวมทั้งยังมีรายชื่อโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุด้วย
นพ.อนุชา กล่าวต่อว่า นอกจากการใช้แอพลิเคชั่นดังกล่าวแล้ว ผู้ที่ไม่สะดวกก็ยังสามารถโทรแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินผ่านสายด่วน 1669 ได้เหมือนเดิมด้วย ซึ่งประโยชน์ของการโทรแจ้งสายด่วน 1669 และผ่านแอพลิเคชั่น จะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการดูแลที่ได้มาตรฐาน เพราะมีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในรถที่ได้รับการรับรองมาตรฐานตาม และเจ้าหน้าที่ทุกคนมีความพร้อมและเชี่ยวชาญในการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ลดการบาดเจ็บซ้ำ อีกทั้งยังมีการประสานงาน ที่ครอบคลุมทั้งทางด้านจราจรและด้านโรงพยาบาล และที่สำคัญสุดคือให้บริการฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง