กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--องค์การเภสัชกรรม
น.พ.กฤษฎา มนูญวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ในคนปกติจะมีธาตุเหล็ก ประมาณ ๓-๕ กรัม โดยร้อยละ ๗๐ จะอยู่ในเม็ดเลือดแดง ที่เหลืออยู่ในตับ ม้าม ไขกระดูก และในกล้ามเนื้อ ซึ่งธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง และรงควัตถุ(สีต่างๆ)ในกล้ามเนื้อ หรือไมโอโกลบิน โดยฮีโมโกลบินจะทำหน้าที่นำออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ และนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปขับถ่ายออกที่ปอด นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ออกซิเจนในร่างกาย โดยออกซิเจนจะไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งสมองด้วย ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า เนื่องจากปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันจะขึ้นกับช่วงอายุ และโดยทั่วไปธาตุเหล็กจะมีอยู่ในอาหารธรรมชาติ เช่น ตับหมูอ่อน เลือดหมู หอยแมลงภู่ ไข่แดง เมล็ดบัว เต้าหู้ ขมิ้นขาว เห็ดฟาง ใบแมงลัก หมูหยอง เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่ต้องการจะรับ ประทานยาเม็ดธาตุเหล็ก (FERROUS SULFATE) เสริม จึงควรไปตรวจเลือดก่อนว่าเลือดจางหรือไม่ หากตรวจแล้วพบว่าเลือดจางก็ควรรับประทาน ยกเว้นหญิงมีครรภ์ ผู้ที่เสียเลือดมาก เช่น หลังมีประจำเดือน หลังคลอดควรรับประทานยาเม็ดธาตุเหล็กเสริมตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการจะรับประทานยาเม็ดธาตุเหล็กควรที่จะรับประทานร่วมกับวิตามินซี และโฟลิกแอซิด ๐.๑ มิลลิกรัม เพราะจะช่วยดูดซึมได้ง่าย แต่ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ โรคไตเสื่อม โรคตับไม่ปกติ โรคธาลัสซีเมีย ไม่ควรรับประทานยาเม็ดธาตุเหล็ก เพราะจะทำให้กัดกระเพาะ หัวใจทำงานหนัก เหนื่อยหรือเกิดอาการช็อค ไตวาย ตับวาย อาเจียน และท้องร่วงอย่างรุนแรงได้--จบ--
-สส-