กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
สหพัฒน์ เชื่อมั่นทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล มั่นใจเศรษฐกิจปี 59 ต้องดีกว่าปี 58 เดินหน้าพัฒนาระบบ จัดจำหน่ายทั้งทางด้านโลจิสติกส์และช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมทุ่มงบการตลาดรับลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นทั้งจากในเครือและนอกเครือ ตั้งเป้าปีนี้กวาดยอดขาย 32,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% ด้านยอดขาย 2 เดือนแรกของปี ส่งสัญญาณดี ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 17%
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สืบเนื่องจากความมั่นใจของประชาชนที่มีต่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สหพัฒน์จึงเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2559 นี้จะมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ สหพัฒน์จึงเดินหน้าใช้งบประมาณพัฒนาระบบจัดจำหน่ายทั้งทางด้านโลจิสติกส์และช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และคาดการณ์ว่าในปีนี้สหพัฒน์จะมียอดขายอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มจากปี 2558 ประมาณ 10% ซึ่งยอดขายในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้นับว่ามีแนวโน้มที่ดี เพราะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายรวม 2 เดือนที่ผ่านมาเติบโตประมาณ 17%
"ปีนี้สหพัฒน์ได้เพิ่มความสำคัญทางด้านโลจิสติกส์ โดยจับมือกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค และยังเป็นการสร้างโครงข่ายในการบริการลูกค้า รับและส่งข้อมูลจากพนักงานขายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ สหพัฒน์ได้มีการเจรจากับพันธมิตรทางด้านโลจิสติกส์เพิ่มอีกหลายราย
นายบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโลจิสติกส์แล้ว ปีนี้สหพัฒน์ยังเน้นการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายด้วย สืบเนื่องจากปัจจุบันมีลูกค้านอกเครือมั่นใจในเครือข่ายที่แข็งแกร่งของสหพัฒน์และนำสินค้ามาให้จัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นทุกปี สหพัฒน์จึงได้พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าในต่างจังหวัดให้มีครบเกือบทุกจังหวัดรวม 60 แห่ง ซึ่งในปีนี้จะมีการพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น
โดยในปัจจุบัน สหพัฒน์มีสินค้าที่ทำการจัดจำหน่ายจำนวนเกือบ 100 แบรนด์ แบ่งเป็นสินค้านอกเครือ 20% และสินค้าในเครือ 80% โดยสัดส่วนสินค้านอกเครือมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น สำหรับในปีที่ผ่านมาสินค้าใหม่ที่มอบหมายให้สหพัฒน์เป็นผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ น้ำตาลมิตรผล
นอกจากนี้ จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านๆ มา ผู้บริโภคยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย สหพัฒน์จึงกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย โดยใช้งบประมาณในการทำตลาดเพิ่ม อาทิ การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการขายมากขึ้น
นอกจากการพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายแล้ว สหพัฒน์ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนทั้งในและนอกองค์กร โดยในปีนี้ได้จัดโครงการ SPC Smart Generation เพื่อกระตุ้นให้บุคลากรของสหพัฒน์พัฒนาตนเองพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง โดยจัดสอบวิชาต่างๆ เช่น ภาษาไทย ความรอบรู้ ภาษาอังกฤษ ภาวะผู้นำ และทัศนคติ นอกจากนี้จะจัดโครงการสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ (The Master: Strategic Talent Development Program) ซึ่งสหพัฒน์จับมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวร และบริษัท ไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จัดตั้งสถาบันยุทธศาสตร์ธุรกิจเชิงบวก (Institute of Strategic and Appreciative Business- ISAB) โดยมุ่งสร้างคนดีให้เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจด้วยจริยธรรม โดยจะเปิดสอนให้กับทายาทธุรกิจที่เป็นคู่ค้าของสหพัฒน์ และในอนาคตจะเปิดสอนให้กับผู้สนใจทั่วไป
สำหรับผลการดำเนินงานของสหพัฒน์ในปี 2558 นายบุญชัย กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่สหพัฒน์เติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทมียอดขายสุทธิ 29,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อน 9.74% กำไรสุทธิประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการขยายตัวของการท่องเที่ยว รวมทั้งเกิดจากการที่สหพัฒน์มีการพัฒนาและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง