กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง
เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป (BAG) รุกธุรกิจอสังหาฯ เต็มสูบ ขนทุกโครงการคุณภาพ บนทำเลศักยภาพ คัดสรรบ้านพร้อมอยู่พร้อมโอน 3 โครงการ ในทำเลเด่นโซนสุขุมวิท และ รามอินทรา ส่งเสริมมาตรการรัฐ "บ้านพร้อมโอน ความสุขพร้อมอยู่ กับเบล็ส แอสเสท กรุ๊ป" ระบุบ้านพร้อมอยู่บนทำเลศักยภาพ หนุนให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ตั้งเป้าปิดยอดขาย 3โครงการเพิ่มขึ้นอีก 120 ล้านบาท ภายในเมษายนนี้ มั่นใจตลาดอสังหาฯ ขยายตัวได้ต่อเนื่อง เตรียมลุยโครงการใหม่ในปีนี้ ภายใต้แบรนด์ เบล็ส วิลล์ (BLESS VILLE) และ เบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท
บริษัท เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป จำกัด (BAG) ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่างยาวนานมากกว่า 10ปี ภายใต้แบรนด์ เบล็ส วิลล์ (BLESS VILLE) และ เบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) เผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า มีแนวโน้มฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาสแรกที่ได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ เรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 0.01% ส่งผลให้ผู้บริโภคที่คิดจะซื้อบ้านตัดสินใจซื้อที่รวดเร็วขึ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบรับกับดีมานด์ที่ยังมีสูงก่อนหมดมาตรการของภาครัฐ บริษัทเตรียมออกแคมเปญพิเศษ"รับมาตรการรัฐ บ้านพร้อมโอน ความสุขพร้อมอยู่ กับเบล็ส แอสเสท กรุ๊ป" โดยคัดบ้านพร้อมอยู่ พร้อมโอน 3โครงการ ในทำเลสุขุมวิท และ รามอินทรา ซึ่งมีจำนวนยูนิตพร้อมอยู่พร้อมโอนภายในเดือนเมษายนนี้ เสนอขายในราคาคุ้มค่าพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกบ้านแล้วโอนได้ทันมาตรการรัฐ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงมากกว่าช่วงเวลาที่ไม่มีมาตรการเป็นอย่างมาก ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะปิดยอดขายได้ทั้งหมดกว่า 120 ล้านบาท ภายในเดือนเมษายนนี้ เนื่องด้วยที่ผ่านมา ลูกค้าให้การตอบรับทั้ง 3 โครงการ เป็นอย่างดี
สำหรับ 3 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 1,300 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ ใกล้ชุมชน และจุดเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งมวลชน ประกอบด้วย โครงการ "เบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) รามอินทรา-เกษตรนวมินทร์" มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท โครงการ "เบล็ส วิลล์ (BLESS VILL) รามอินทรา 117" มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท และโครงการ "เบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) สุขุมวิท 50" มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท
โดยโครงการ "เบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) รามอินทรา-เกษตรนวมินทร์" เป็นโครงการใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2559 พัฒนาเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 182 ตารางเมตร เหนือกว่าด้วยรูปแบบ OPEN PLAN เน้นความทันสมัยสูงโปร่ง เหมาะกับไลฟ์สไตล์ (Life Style) คนรุ่นใหม่ และกลุ่ม Start Up สามารถปรับตกแต่งบ้านได้ตามใจ และอยู่ได้จริง ให้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย พร้อมใช้ประโยชน์ในพื้นที่ใช้สอยให้ได้มากที่สุด โดยโครงการอยู่ห่างจากปากซอยรามอินทรา 127 เพียง 700 เมตร ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูจากปากซอยเพียง 200 เมตร ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 50% โดยมีจำนวนยูนิตที่พร้อมโอน 60 ยูนิต จากทั้งหมด 133 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
โครงการ "เบล็ส วิลล์ (BLESS VILLE) รามอินทรา 117" ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 128 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพห่างเพียง 800 เมตร จากถนนรามอินทรา ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ล่าสุดเหลือขายประมาณ 20 ยูนิตแล้ว จากทั้งหมด115 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.15 ล้านบาท และ ทางโครงการได้คัดแปลงมุมพิเศษ 24-34 ตร.วา มาขายในราคาเดียว 2.89 ล้าน เรียกได้ว่ามาก่อนเลือกก่อนไปเลย
โครงการ "เบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) สุขุมวิท 50" ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 4ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 240 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนทำเลเด่นบนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นทำเลคอนโดมิเนียม ใกล้ทางด่วน 2 สาย ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช เพียง 800 เมตร ขณะนี้เหลือเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น จากทั้งหมด 56 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท สร้างเสร็จพร้อมโอน ตอบรับกับมาตรการรัฐช่วยประหยัดได้สูงสุดกว่า 200,000 บาท
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทยังคงเน้นพัฒนา โครงการที่ให้คุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ชูจุดเด่นในเรื่องการออกแบบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เน้นเรื่องพื้นที่ที่กว้าง สามารถปรับฟังชั่นการใช้งานได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องของทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้าในอนาคต ในราคาที่สัมผัสได้ โดยบริษัทมั่นใจว่าทุกโครงการที่พัฒนาขึ้นจะสามารถตอบโจทก์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง จึงมีแผนพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์เบล็ส วิลล์ (BLESS VILLE) และ เบล็ส ทาวน์ (BLESS TOWN) บนทำเลศักยภาพอีกหลายโครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการความคุ้มค่าของที่อยู่อาศัย และเชื่อมั่นว่าปีนี้จะเปิดโครงการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และจะผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด