กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--กทม.
นายนิคม ไวยรัชพานิช ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กทม. เปิดเผยว่า เมื่อคราวที่ตนพาคณะข้าราชการของสำนักฯ ออกตรวจพื้นที่โครงการตามผังเมืองรวมกทม. ในบริเวณพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกทม.นั้น ได้พบอาคารที่ปลูกสร้างผิดข้อบัญญัติควบคุมอาคารของกทม.เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะที่บริเวณถนนเจ้าคุณทหารเขตลาดกระบัง โดยอาคารเหล่านี้ปลูกสร้างและใช้พื้นที่ประกอบการไปในเชิงพาณิชย์ ทั้งที่ตามกฎหมายไม่อนุญาตให้ก่อสร้างอาคารในลักษณะดังกล่าวได้ในบริเวณนี้
ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กล่าวต่อว่า ตาม “ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในท้องที่เขตมีนบุรี แขวงคลองสิบ แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอกและแขวงคลองสามประเวศ แขวงลำปลาทิว แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2525” นั้น กำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้บุคคลใดก่อสร้างอาคารอื่นใดนอกจากอาคารหรือสถานที่ทำการของทางราชการ อาคารอยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ยุ้งข้าว ถนน เขื่อน สะพาน อุโมงค์ ฯลฯ แต่จากที่ได้ไปตรวจสอบ อาคารในบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่ก่อสร้างและประกอบการไปในเชิงพาณิชย์ กล่าวคือมีการประกอบกิจการพาณิชย์ภายในบริเวณดังกล่าวทั้งในรูปแบบบริษัทห้างร้าน ห้างหุ้นส่วนจำกัด อีกทั้งมีการขึ้นป้ายชื่อร้านค้าหรือโฆษณาสินค้าขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคารอีกด้ย นอกจากนี้หากมองถึงรูปแบบตัวอาคารแล้ว อาคารดังกล่าวมีลักษณะคล้ายตึกแถวเป็นอย่างมาก กล่าวคือ เป็นอาคารสูงประมาณ 4-5 ชั้น ความกว้าง 2-3 ห้อง สร้างต่อกันหลายหลัง โดยเว้นระยะห่างระหว่างตัวอาคารประมาณ 1 เมตร แต่กลับขอบ้านเลขที่แยกเฉพาะแต่ละหลังโดยการแจ้งเป็นบ้านพักอาศัย
“เมื่อใครมาเห็นก็ต้องบอกว่าเป็นตึกแถว เป็นอาคารพาณิชย์ ไม่ใช่บ้านเดี่ยว แต่เจ้าของ อาคารสามารถใช้ช่องว่างทางกฎหมายทำตึกแถวเป็นบ้านเดี่ยวได้ โดยการสร้างไม่ให้ติดกันทั้งหมด ทั้งนี้ทางเจ้าของอาคารคงทราบว่า หากสร้างติดกันเป็นตึกแถว จะเข้าข่ายผิดข้อบัญญัติของกทม. รวมทั้งผิดกฎกระทรวง ผังเมืองรวมกทม. ฉบับที่ 414 (พ.ศ.2542) ที่กำหนดให้ที่ดินบริเวณนี้เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมที่ห้ามการอยู่อาศัยทุกประเภท ยกเว้นบ้านเดี่ยวและห้ามการประกอบพาณิชกรรม เว้นแต่การประกอบพาณิชยกรรมที่มีพื้นที่ใช้ประกอบกิจการไม่เกิน 100 ตร.ม. ซึ่งไม่ใช้ห้องแถวหรือตึกแถวอีกด้วย” นายนิคมฯ กล่าว
สำหรับมาตรการควบคุมและแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น นายนิคมกล่าวว่า ทราบว่าขณะนี้ทางฝ่ายสภากทม. ได้ทำการเสนอร่างแก้ไข ปรับปรุงข้อบัญญัติกทม.ฉบับดังกล่าวแล้ว ซึ่งหากร่างแก้ไขข้อบัญญัติฉบับดังกล่าวผ่านสภาและมีผลบังคับใช้จริง ตนเชื่อว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายก่อสร้างอาคารในลักษณะดังกล่าวก็คงไม่สามารถทำได้อีก ในส่วนของประชาชนตนขอเตือนว่าก่อนทำการปลูกสร้างอาคารทุกครั้ง ควรตรวจสอบบริเวณที่ดินก่อนว่าสามารถสร้างหรือประกอบกิจการอะไรได้บ้าง ควรศึกษาออกแบบลักษณะและชนิดของอาคารให้เข้ากับข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งข้อบัญญัติกทม. ข้อบัญญัติควบคุมอาคาร รวมทั้งกฎกระทรวง ผังเมืองรวมกทม.ด้วย ทั้งนี้ประชาชนท่านใดมีปัญหาสงสัยเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตกทม. หรือปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางผังเมือง สามารถสอบถามได้ที่ สำนักผังเมืองกทม. โทรศัพท์หมายเลข 613-7252 โทรสาร 613-7195--จบ--
-นศ-