กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "การผลิตบุคลากรด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเพื่อภาคอุตสาหกรรม" ระหว่าง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ขึ้น วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2559 ณ ห้องบอร์ดรูม 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โซน ซี ชั้น 3 เพื่อร่วมกันผลิตบุคลากรด้านอาชีวอนามัย ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนให้เพียงพอ ทั้งปริมาณและคุณภาพ รวมถึงส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรม สนับสนุนการดำเนินนโยบายภาครัฐ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดในการประกอบกิจการอุตสาหกรรม
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน พ.ศ. 2549 ได้เน้นการจัดองค์กรด้านความปลอดภัยให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีการกำหนดในเรื่องเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย คณะกรรมการความปลอดภัยฯ และหัวหน้าหน่วยงานความปลอดภัย รวมถึงแนวทางการดำเนินงานด้านความปลอดภัยอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน นั้น กฎกระทรวงได้มีการกำหนดคุณสมบัติไว้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม ที่เห็นถึงความสำคัญของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน หรือ จป.ระดับวิชาชีพ โดยเฉพาะ จป.ระดับวิชาชีพ ที่จบการศึกษาระดับ ปวส. สาขาช่างอุตสาหกรรม และเข้าศึกษาต่อเพิ่มเติมในระดับปริญญาตรี สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ที่ภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านอาชีว อนามัยและความปลอดภัยแล้ว ยังมีความรู้ที่ครอบคลุมในสายการช่าง ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจงาน และตอบโจทย์การทำงานให้กับภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้นด้วย
"ความร่วมมือภายใต้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "การผลิตบุคลากรด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเพื่อภาคอุตสาหกรรม" ระหว่าง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งถือเป็นการพัฒนาพนักงาน หรือบุคลากรขององค์กร ที่จบการศึกษาระดับ ปวส. สาขาช่างอุตสาหกรรม เข้าศึกษาต่อเพิ่มเติมในระดับปริญญาตรี สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และสามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพได้ และยิ่งหากได้รับความร่วมมือจากภาคการศึกษา ที่จะเข้ามาเป็นอีกภาคส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริม ผลักดันการจัดการศึกษา เพื่อวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการทั้งด้านปริมาณและคุณภาพแล้ว ก็ยิ่งทำให้การลงนามความร่วมมือครั้งนี้เห็นภาพเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการพัฒนาบุคลากรอย่างยั่งยืน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคอุตสาหกรรมต่อไป" นายสุพันธุ์ กล่าว
ด้าน นายถาวร ชลัษเฐียร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันเสริมสร้างขีดความสามารถมนุษย์ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลง ระหว่าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในครั้งนี้ เป็นการตกลงที่จะร่วมมือกันในการผลิตบุคลากรด้านอาชีวศึกษาอนามัยและความปลอดภัยฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันผลิตบุคลากรด้านอาชีวอนามัย ที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการ และเพียงพอต่อความต้องการ ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ รวมถึงเพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนการดำเนินนโยบายภาครัฐ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดในการประกอบกิจการอุตสาหกรรม โดยสภาอุตสาหกรรมฯ จะร่วมกับ มสธ. บริหารหลักสูตร วางแผนการเรียนการสอน และร่วมสอนในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมาย กฎระเบียบด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยในการทำงาน และความรู้พื้นฐานในงานอุตสาหกรรม และจะช่วยในการประชาสัมพันธ์หลักสูตรไปยังสมาชิกของ ส.อ.ท. พร้อมเป็นสถานที่รับสมัครนักศึกษาเบื้องต้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร รวมถึง ส.อ.ท.จะร่วมติดตาม ประเมินผลการศึกษาของนักศึกษาในหลักสูตรร่วมกับ มสธ. ด้วย
อย่างไรก็ตาม ตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและจัดการความปลอดภัย อาชีว อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2549 ที่กำหนดให้ สถานประกอบกิจการที่มีการจ้างงาน 100 คนขึ้นไป จะต้องมีการจ้าง เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน หรือ จป.ระดับวิชาชีพ และต้องมีคุณสมบัติ
(1) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีสาขาอาชีวอนามัย หรือเทียบเท่า
(2) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี และได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการ
ทำงานระดับเทคนิคขั้นสูงมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี และผ่านการอบรมและทดสอบตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดจากหน่วยงานที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานรับรอง
(3) เป็นหรือเคยเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพ ตามประกาศกระทรวง
แรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้าง ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2540 และผ่านการอบรมเพิ่มและทดสอบตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดจากหน่วยงานที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานรับรองในหลักสูตรที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ 18 (3) (4) และ (8) ทั้งนี้ ภายในห้าปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ (นับจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษา 21 มิถุนายน 2549 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2554)
ผลกระทบของกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2549 ต่อ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพ
(1) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพ ที่อบรมผ่านการอบรม 192 ชั่วโมง
จะต้องเข้ารับการอบรม หลักสูตร เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพ จำนวน 42 ชั่วโมง และเข้ารับการทดสอบ ภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2554
(2) ภายหลังจากวันที่ 20 มิถุนายน 2554 ผู้ที่จะเป็น เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน
ระดับวิชาชีพ ได้ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี สาขาอาชีวอนามัย หรือ เทียบเท่า เท่านั้น ไม่สามารถใช้การอบรมเพิ่มและทดสอบ ตามหลักสูตร เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพ เพื่อเป็น เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพ ได้อีกต่อไป
ปัจจุบัน มีสถานศึกษาเปิดสอนระดับปริญญาตรี หลักสูตร อาชีวอนามัยและความปลอดภัย จำนวน 33 แห่ง สามารถผลิตบุคลากรด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งปรากฎในข้อเท็จจริงว่า ยังมีสถานประกอบกิจการภาคอุตสาหกรรมบางส่วนยังไม่สามารถหาคนมาทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับวิชาชีพได้