กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--M & S Creation
เอลิส พอลิน แบรนด์ผลิตภัณฑ์เวชสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โชว์ผลงานเติบโตก้าวกระโดดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2555 ก้าวสู่บริษัทร้อยล้าน พร้อมประกาศชิงส่วนแบ่งตลาดเวชสำอาง ตั้งเป้ายอดขาย 170 ล้านในปีนี้ ตั้งธงรบขยายช่องทางการจัดจำหน่าย วางแผนเปิดเคาน์เตอร์แห่งใหม่ในแลนด์มาร์คกรุงเทพฯ พร้อมขยายแฟรนไชน์เพิ่ม 20 ราย และมุ่งเป้าขยายสาขาตลาดต่างประเทศในจีน เวียดนาม ดูไบ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มสกินแคร์3 รายการในปีนี้
นางอลิสา อินทเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินตัน กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบรนด์ เอลิส พอลิน กล่าวว่า แบรนด์ เอลิส พอลิน ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2555 เพื่อนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพ(Innovative natural skincare and health care) ภายใต้แนวคิด Wow Product หรือมีจุดเด่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย อ่อนโยน และเห็นผลทันที ในระยะเวลา 3 ปี นับจากนำผลิตภัณฑ์วางขายในตลาดจึงได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค บล็อกเกอร์ บิวตี้กูรูต่างๆ ได้รับการบอกต่อถึงคุณสมบัติผลิตภัณฑ์และสามารถคว้ารางวัลแห่งความงามจำนวน 7 รางวัลจากนิตยสารผู้หญิงชั้นนำอย่างนิตยสารคลีโอ และแมรี แคลร์ ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด จาก 30 ล้าน ในปี 2556 เป็น 60 ล้าน ในปี 2557 และก้าวสู่บริษัท 100 ล้าน ในปี 2558 ที่ผ่านมา
นางอลิสา เปิดเผยทิศทางตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามว่า ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ตลาดมีการแข่งขันสูง มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มของสินค้าที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้จะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพโดดเด่น ใช้แล้วเห็นผล ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งตรงกับแนวคิดการสร้างแบรนด์ของเอลิส พอลิน โดยในปี 2559 คาดการณ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะมีมูลค่าตลาดมากกว่า 11,000 ล้านบาท ยังมีโอกาสให้บริษัทเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดอยู่มากจึงวางแผนกลยุทธ์การตลาดเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมาย และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ทั่วถึงทั้งในและต่างประเทศ
"ปัจจุบัน บริษัทฯ มีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเคาน์เตอร์ 6 แห่ง ที่เดอะมอลล์ท่าพระ บางกะปิ และโคราช ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลวิภาวดี ในปีนี้ บริษัทฯ วางแผนเพิ่มเคาน์เตอร์อีก 2-3 แห่ง ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาสถานที่ และยังมีวางขายในร้านค้าเพื่อความงาม เช่น อีฟแอนด์บอย โอเกนกิ ลอฟท์ เป็นต้น นอกจากนี้ ในปีนี้ บริษัท ยังวางแผนเปิดรับแฟรนไชส์เพิ่มเติม อีก 20 ราย จากเดิมที่มีอยู่ 2 รายในปัจจุบัน โดยจะมุ่งเน้นหาแฟรนไชส์เพิ่มที่หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด รวมทั้งวางแผนส่งออกสินค้าไปจำหน่ายต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบประเทศ AEC และจีน อาทิเช่น ดูไบ และเวียดนาม เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ บริษัทฯ มีเคาน์เตอร์อยู่ในเวียงจันทน์เซ็นเตอร์ ประเทศลาว"
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ 14 รายการ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2 รายการ ในปีนี้ วางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มสกินแคร์เพิ่มอีก 3 รายการ โดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด สเปรย์กันแดด ไปแล้วในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ บริษัท วางงบการตลาดในปีนี้ประมาณ 10% ของยอดขาย หรือประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อรุกสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์ ออฟไลน์ พรีเซ็นเตอร์ และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ปีนี้ จะเติบโต 70% หรือมียอดขาย 170 ล้านบาท นางอลิสา กล่าวสรุป