กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การจัดโซนนิ่งภาคเกษตรหรือการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม เป็นนโยบายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก จากนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป็น ๑ ใน ๖ นโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ คือ การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) โดยให้กรมพัฒนาที่ดิน เป็นผู้ประสานงานและรวบรวมข้อมูลพื้นที่ความเหมาะสมของพืชเศรษฐกิจ ประมง ปศุสัตว์ และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการ ในการขับเคลื่อน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งได้จัดทำแผนที่เกษตรเพื่อบริหารจัดการเชิงรุก ( Agricultural Map for Dynamic Management : Agri-Map ) เพื่อใช้เป็นแผนที่สำหรับบริหารจัดการการเกษตรรายจังหวัด ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต ในมิติของปัจจัยการผลิต อุปสงค์และอุปทาน จะแสดงให้เห็นถึงการใช้พื้นที่ในการเพาะปลูกพืชของแต่ละจังหวัด ว่ามีความเหมาะสมกับชนิดของดิน ปริมาณน้ำ ชนิดพืชหรือไม่ หากไม่มีความเหมาะสมจะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เกิดความสมดุล เพื่อบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และอนาคตได้ สามารถช่วยแก้ปัญหาของเกษตรกรได้อย่างตรงจุด ซึ่งได้นำเสนอ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปปรับปรุง Agri-Map ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ปรับปรุงด้านข้อมูลเพิ่มเติม คาดว่าสามารถแจกจ่าย Agri-Map ไปยังจังหวัดต่างๆ ได้ภายในเดือน เม.ย. นี้ด้วย นายธีรภัทร กล่าว
นายสุรพล จารุพงศ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้กำหนดแผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนประกอบด้วย ๕ มาตรการหลัก คือ ๑) การเตรียมความพร้อมและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ๒) กำหนดแนวโน้มความต้องการตลาดสินค้าเกษตร ๓) กำหนดเขตพื้นที่เหมาะสมการผลิตสินค้าเกษตร๔) การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ๕) การติดตามประเมินผล ซึ่งระยะแรกได้ดำเนินการในมาตรการแรกเกี่ยวกับ การเตรียมความพร้อมและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ โดยการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในวงกว้าง สู่สาธารณะ/เกษตรกร ถึงประโยชน์ของการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม ทั้งในภาพรวมของประเทศและท้องถิ่น ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม มีการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจและรับทราบถึงความสำคัญและประโยชน์ของการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม โดยผ่านกระบวนการประชุมและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ
มาตรการที่สองและที่สาม เป็นการดำเนินการคู่ขนานกันไปพร้อมกันโดยในมาตรการที่สอง เป็นการกำหนดแนวโน้มความต้องการสินค้าเกษตร ดำเนินการโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และมาตรการ ที่สามกำหนดเขตพื้นที่เหมาะสมการผลิตสินค้าเกษตรระดับประเทศ โดยกรมพัฒนาที่ดินได้ดำเนินการจัดทำแผนที่เขตความเหมาะสมของที่ดิน สำหรับการผลิตสินค้าเกษตรระดับประเทศ และระดับจังหวัดรายพืช สำหรับพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรในพื้นที่เข้าใจเกี่ยวกับการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ทุกจังหวัด ทั้งนี้ได้จัดส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด จัดทำแผนที่เขตความเหมาะสมการผลิตสินค้าเกษตรระดับอำเภอ รายชนิดพืชให้กับศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ที่มีอยู่อำเภอละ 1 ศูนย์ ทั้ง 76 จังหวัด เป็นจำนวน 882 ศูนย์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขับเคลื่อนและส่งเสริมในระดับพื้นที่ต่อไป นายสุรพล กล่าว