กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ ย้ำเขื่อนน้ำน้อย 10 เขื่อน มีแผนใช้น้ำเพียงพอเพื่ออุปโภคริโภคถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมแน่นอน วอนทุกภาคส่วนการใช้น้ำทั้งในพื้นที่ต้นน้ำและท้ายน้ำ ต้องร่วมแรงร่วมใจกันประหยัดน้ำอย่างจริงจัง เพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนวางไว้ มั่นใจปริมาณน้ำที่มีอยู่จะใช้ได้อย่างเพียงพอจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 นี้
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 58 ถึงปัจจุบัน (22 มี.ค. 59) มีการใช้น้ำไปแล้วรวมทั้งสิ้น 2,369 ล้านลูกบาศก์เมตร คงเหลือน้ำใช้การได้เฉพาะการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 อีกประมาณ 2,564 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักมาใช้รวมกันประมาณวันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร
ในส่วนของปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก และหลายฝ่ายมีความกังวลว่าปริมาณน้ำจะไม่เพียงพอใช้ก่อนฝนมา ได้แก่ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เขื่อนอุบลรัตน์จ.ขอนแก่น เขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี และเขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา นั้น กระทรวงเกษตรฯ ขอชี้แจงว่าปริมาณน้ำในเขื่อนดังกล่าว ทั้ง 10 แห่ง ได้มีแผนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ เพียงพอไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนการใช้น้ำ ต้องร่วมแรงร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุด เพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนที่วางไว้อีกทั้งยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำที่รุนแรงได้ในอนาคต
สำหรับกรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่า ในช่วงวันที่ 24 - 26 มี.ค. 59 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนโดยทั่วไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นโดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมพัดแรง ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อาจจะทำให้ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นได้ ซึ่งกรมชลประทานได้ควบคุมปริมาณน้ำที่ไหลผ่านที่บางไทร ให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด พร้อมกันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจ้งเตือนเกษตรกรในพื้นที่ตอนล่าง ให้ปิดประตูน้ำตามคลองต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อไม่ให้น้ำเค็มรุกล้ำเข้าไป ตลอดจนไม่ให้สูญเสียน้ำจืดในการผลักดันน้ำเค็ม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวงด้วย
ในส่วนของ ผลการจ้างแรงงานตามมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทั่วประเทศ ล่าสุด(21 มี.ค. 59) กรมชลประทาน ได้ดำเนินการจ้างแรงงานไปแล้ว จำนวน 139,216 คน เป็นงบประมาณทั้งสิ้น 2,552.61 ล้านบาท จำแนกตามลุ่มน้ำได้ ดังนี้ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จำนวน 28,250 คน ลุ่มน้ำแม่กลอง 9,354 คน และลุ่มน้ำอื่นๆ 101,612 คน