กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--ซีพีเอฟ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าสร้างความสุขให้กับพนักงานผ่านโครงการ "ปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม" จัดหาแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำเพื่อแก้ปัญหาด้านการเงินและหนี้นอกระบบให้กับพนักงาน พร้อมจัดอบรมการบริหารจัดการด้านการเงินอย่างถูกวิธี เพื่อให้พนักงานมีความรู้ความสามารถในการวางแผนการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันนำไปสู่การมีความสุขในการดำเนินชีวิตและการทำงานอย่างยั่งยืน
นายพุทธชาติ ไผ่พุทธรองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า โครงการ "ปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม" สายธุรกิจสุกรได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558-มีนาคม 2559 มีฟาร์มเข้าร่วมโครงการ 16 ฟาร์ม ใน 7 จังหวัดทั่วประเทศ โดยต้องการช่วยแก้ปัญหาด้านการเงินให้กับพนักงานที่ประสบปัญหาหนี้บัตรเครดิต และหนี้นอกระบบ โดยซีพีเอฟ ร่วมกับธนาคารออมสิน ปล่อยวงเงินกู้เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่มีภาระดอกเบี้ยจากเดิมที่สูงถึง 3-20% ต่อเดือน ให้เหลือประมาณ 0.5% ต่อเดือน ซึ่งพนักงานที่เข้าร่วมโครงการนอกจากจะได้ปลดหนี้นอกระบบแล้ว ยังได้เข้าอบรมเรียนรู้ด้านการเก็บออมเงินด้วยวิธีต่าง ๆ อาทิ การทำบัญชีครัวเรือน เพื่อสร้างวินัยและความมั่นคงทางการเงินให้กับพนักงานในอนาคต
ฟาร์มพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็น 1 ใน 16 ฟาร์มนำร่องที่มีพนักงานเข้าร่วมโครงการปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม จำนวน 18 คน ซึ่งภายหลังจากเข้าร่วมโครงการฯ พนักงานเหล่านั้นต่างมีความสุข รู้จักการทำรายรับ-รายจ่าย บริหารจัดการรายได้ และตั้งใจทำงานกันมากขึ้น นางปรานีต มีชัย พนักงานฟาร์มพนมสารคาม หนึ่งในพนักงานที่เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวว่า รู้สึกสบายใจและโล่งใจมากที่ปัจจุบันเหลือภาระการชำระหนี้สินกับธนาคารออมสินเพียงที่เดียว เพราะในอดีตมีหนี้บัตรเครดิตมากมาย เนื่องจากต้องส่งลูกเรียนระดับปริญญาตรีซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก และดูแลพ่อแม่ที่แก่ชรา ทำให้ต้องไปกู้เงินจากบัตรเครดิตต่าง ๆ มาหมุนใช้จนเกิดเป็นหนี้จำนวนมาก ซึ่ง หลังจากที่เข้าร่วมโครงการฯ รู้สึกคลายความกังวลใจเรื่องหนี้สิน และมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นที่สามารถปลดหนี้ได้หมดก่อนวัยเกษียณอายุการทำงาน จะได้มีเงินเก็บออมไว้ใช้ยามหลังเกษียณ
ด้านฟาร์มเกษตรสันติราษฎร์ จังหวัด ชลบุรี มีพนักงานเข้าร่วมโครงการปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม จำนวน 5 คน นางเฉลียว เงินงาม พนักงานฟาร์มเกษตรสันติราษฎร์ กล่าวว่า ตนเองมีภาระมากมายทั้งส่งบุตรเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษา จำนวน 2 คน และต้องดูแลบุตรที่พิการด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอายุ 7 ปี ที่จะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาและทำกายภาพบำบัดทุกๆ เดือน รวมถึงการดูแลบุพการี ทำให้ต้องเป็นหนี้จำนวนมาก สุขภาพจิตเสีย เครียด ไม่มีความสุข ซึ่งหลังจากเข้าโครงการฯ กับซีพีเอฟ ทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนัน สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น จากหนี้จำนวนมากสามารถผ่อนชำระเป็นเวลา 5 ปี เพียงเดือนละประมาณ 2,000 บาท ทำให้มีเงินเหลือพอเก็บสำหรับวันข้างหน้าเมื่อเกษียณอายุจะได้เลี้ยงดูตัวเองได้ เพราะไม่อยากพึ่งพาลูกเนื่องจากเพียงลำพังครอบครัวของพวกเขาเองก็จะไม่สามารถดูแลได้อยู่แล้ว
นายวันชัย ทองสะอาด พนักงานฟาร์มเกษตรสันติราษฎร์ กล่าวว่า ตนเองทำงานเพียงคนเดียว เนื่องจากภรรยาได้ออกจากงานไปทำธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่มีเงินลงทุน จึงไปยืมจากญาติและกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาลงทุน ซึ่งในระยะหลัง ๆ ธุรกิจขายของตลาดนัดขาดทุน ทำให้ต้องเป็นหนี้จำนวนมาก แต่เมื่อได้เข้าโครงการปลดหนี้สร้างสุขกับซีพีเอฟ ความทุกข์ ความกังวลใจหายไป มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ จากแต่ก่อนตอนพักเที่ยงหรือเลิกงานตอนเย็นต้องไปช่วยภรรยาขายของ เงินที่ใช้ในแต่ละเดือนก็ไม่เพียงพอ เมื่อนำไปชำระหนี้ตามระบบแล้วหลังจากเงินไม่พอก็ไปกดเงินสดออกมาอีก ทำแบบนี้ตลอดมาจึงทำให้ยอดหนี้ไม่ลดลง แต่ละเดือนต้องชำระหนี้บัตรเครดิตสูงถึง 8,000 บาท แต่ภายหลังจากเข้าร่วมโครงการฯ ชำระเพียงเดือนละ 2,000 บาท ทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันภรรยาตั้งครรภ์ จะได้มีเงินสำรองใช้ได้ ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนมากที่ไม่มีเงินเหลือเก็บหรือได้ใช้หนี้เลย แค่มีเงินใช้ดำรงชีวิตได้เดือนชนเดือนเท่านั้น ชีวิตตอนนี้จึงมีความสุขมาก
"โครงการปลดหนี้สร้างสุขฯ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่บริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการช่วยเหลือพนักงานนอกเหนือจากโครงการและสวัสดิการต่าง ๆ ที่ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานให้ดีขึ้น โดยจะมุ่งช่วยพนักงานที่เดือดร้อนด้านการเงิน ให้พวกเขากลับมามีความสุขในการใช้ชีวิตอีกครั้ง ซึ่งมั่นใจว่าพนักงานที่เข้าร่วมโครงการฯ จะเข้าใจการบริหารจัดการด้านการเงินมากขึ้น ใช้เงินเป็น รู้จักเก็บออมเพื่ออนาคต และเก็บออมไว้ใช้ยามฉุกเฉินมากขึ้น รู้จักวางแผนการใช้จ่าย ซึ่งเมื่อเขาเหล่านั้นหมดความทุกข์ และมีความสุขจะทำให้พวกเขาตั้งใจและมีสมาธิในการทำงาน มีความรักความผูกพันธ์กับองค์กร อันนำไปสู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด" นายพุทธชาติ กล่าวทิ้งท้าย