โตเกียวมารีนประกันภัย เปิดเผยเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2558 โต 2.1% พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 29, 2016 15:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--โตเกียวมารีนประกันภัย บริษัท โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) ในปี 2558 รวมทั้งสิ้น 7,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% มีกำไรสุทธิ 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.3% เมื่อเทียบกับปี 2557 ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเกิดจากผลของการขยายช่องทางธุรกิจ รวมทั้งแผนการปรับราคาและการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัท พร้อมกันนี้ บริษัท ยังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งถือเป็นกิจกรรมภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็น "To be a Good Company" อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของบริษัท นายชินคิจิ มิกิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premium) ทั้งสิ้น 7,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% โดยมีกำไรสุทธิ 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.3 % เมื่อเทียบกับปี 2557 ภายใต้ภาพรวมของตลาดประกันภัยในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างจากยอดขายของตลาดรถยนต์ป้ายแดงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจโดยการขยายช่องทางธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการตลาดและเพื่อให้บริษัทสามารถผ่านพ้นวิกฤติจากเหตุการณ์ดังกล่าวไปได้ โดยผลประกอบการแบ่งตามประเภทการประกันวินาศภัยสำหรับปี 2558 แบ่งออกเป็น เบี้ยประกันภัยรับรวมของประกันอัคคีภัย (Fire Insurance)1,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8%, ประกันภัยขนส่งสินค้าทางทะเล (Marine Insurance) 842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7%,ประกันภัยรถยนต์ (Motor Insurance) 3,474 ล้านบาท ลดลง 2.7% และสุดท้ายกลุ่มประกันภัยเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous Insurance) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,367 ล้านบาท มีอัตราเติบโต เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับปี 2557 ส่วนของผลการดำเนินงานประกันวินาศภัยในกลุ่มธุรกิจประเภทโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่บริษัทร่วมมือกับบริษัทนายหน้าที่มีความเชี่ยวชาญระดับสากล (International Broker) และด้วยระดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ระดับ A- ที่บริษัทได้รับการจัดอันดับ จากสถาบัน S&P ซึ่งถือเป็นระดับความน่าเชื่อถือสูงสุดสำหรับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการรับประกันวินาศภัยในระดับสากล ส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ด้วยยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมมูลค่า 100 ล้านบาท ในปี 2558 ที่ผ่านมา ในปี 2558 บริษัทได้มีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อขยายธุรกิจสู่ประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่ง ประกอบไปด้วย ประเทศพม่า กัมพูชา และลาว โดยมุ่งเน้นการให้บริการประกันวินาศภัยแก่ภาคธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มประเทศดังกล่าว และนอกจากนี้ ยังตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดน โดยการให้บริการรับประกันภัยทางทะเลและขนส่งแก่ภาคธุรกิจ ซึ่งผลการขยายธุรกิจดังกล่าว บริษัทสามารถดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีอัตราเบี้ยประกันภัยเติบโตเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2557 ในปี 2559 ผลประกอบการในช่วง 2 เดือนแรก (มกราคม – กุมภาพันธ์) ของปี 2559 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 1,329 ล้านบาท ลดลง 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีแผนการในการขยายธุรกิจ สร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความหลากหลาย เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนการสร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี นายไพชยนต์ สุธีรพงศ์พันธ์ รองกรรมการผู้จัดการ (ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและสถาบันการเงิน และฝ่ายการตลาดกิจการสาขา) กล่าวว่า บริษัทมีการปรับราคาเบี้ยสำหรับการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เพื่อเป็นการตอบแทนให้แก่ผู้ขับขี่ที่มีประวัติดี ซึ่งนโยบายนี้ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินการจัดตั้งทีมงานพิเศษขึ้นเพื่อให้บริการดูแลกระบวนการในการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ มีกระบวนการต่ออายุกรมธรรม์ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และจากการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าวส่งผลให้ในปี 2558 บริษัทมีอัตราการต่ออายุประกันภัยรถยนต์ (Renew) เพิ่มขึ้นจากเดิม 8.8% เมื่อเทียบกับปี 2557 นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำรูปแบบในการพัฒนาศักยภาพของตัวแทนประกันภัย (Agent) ที่ประสบความสำเร็จจากประเทศญี่ปุ่น มาปรับใช้กับการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพตัวแทนประกันภัยในประเทศไทย ผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับการอบรมทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานขายในหลักสูตรเข้มข้นระยะเวลารวมทั้งสิ้น 8 เดือน ซึ่งในปี 2559 บริษัทมีแผนเปิดรับตัวแทนจากทั่วประเทศเพื่อเข้าร่วมโครงการจำนวนอย่างน้อย 100 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของตัวแทนประกันภัย ให้มีความเป็นมืออาชีพและสามารถให้บริการด้านการประกันวินาศภัยแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายชินคิจิ มิกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการพัฒนาด้านธุรกิจแล้ว บริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์โตเกียวมารีนประกันภัย (Brand Awareness) ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการเลือกใช้บริการจากโตเกียวมารีนประกันภัย ในปี2559 โตเกียวมารีนประกันภัยยังคงยึดมั่นการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องสำหรับทุกกิจกรรม โดยเน้นในด้านกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่และผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนนกับมูลนิธิเมาไม่ขับ เป็นปีที่ 11, การให้การสนับสนุนโครงการตายเป็นศูนย์แก่มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นปีที่ 6 นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนด้านการศึกษาโดยสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่อเหยื่อเมาแล้วขับจำนวน 36 ทุน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10, สนับสนุนสภาสังคมสงเคราะห์ฯ โดยการมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนจำนวน 90 ทุน เป็นปีที่ 12 นอกจากนี้บริษัทยังคงดำเนินโครงการ "รักโตเกียวมารีนประกันภัย รักษ์น้ำ รักษ์ป่า" ซึ่งเป็นกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ทั้งนี้การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ "To be a Good Company" อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของบริษัท
แท็ก ประกันภัย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ