กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
MACO (มาโก้) ชูโมเดลการรุกธุรกิจในประเทศมาเลเซียเป็นแม่แบบขยายอาณาจักรสื่อ OHM ในภูมิภาคอาเซียน ชี้กลุ่มประเทศ CLMV+I มีศักยภาพการเติบโตสูงหลังเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี ยอมรับมีโอกาสเข้าไปขยายตลาดเพิ่มเติม ส่วนแผนดำเนินงานในประเทศเล็งนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยการเชื่อมโยงสื่อโฆษณากับผู้บริโภคยุคออนไลน์ หวังสร้างมูลค่าเพิ่ม รองรับแนวโน้มอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACOผู้สร้างสรรค์เครือข่ายสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยครบวงจร ที่นำความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานเทคโนโลยี เพื่อผลิตสื่อโฆษณาที่มีประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์สินค้าและผู้บริโภคในยุคสังคม Online เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย (OHM) ไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติม หลังจากเดิมที่บริษัทฯ ได้เริ่มเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศมาเลเซียในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดย MACO มองว่าประเทศในกลุ่ม CLMV+I มีความน่าสนใจในการเข้าไปลงทุน เนื่องจากมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หลังเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปขยายลงทุนทำธุรกิจและมีบริษัทตัวแทนโฆษณาหลายแห่งได้เข้าไปเปิดสาขาให้บริการแก่เจ้าของสินค้าทั้งในท้องถิ่นและกลุ่มทุนต่างประเทศได้เข้าไปลงทุนทำธุรกิจ จึงมีความต้องการใช้สื่อโฆษณาสร้าง แบรนด์สินค้าเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค
ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้ศึกษาถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจ โดยรูปแบบการเข้าไปลงทุนนั้น MACO จะยึดโมเดลการขยายธุรกิจในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นรูปแบบของการร่วมทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่นในแต่ละประเทศเพื่อร่วมกันทำตลาดรุกขยายธุรกิจสื่อ OHM รองรับเม็ดเงินอุตสาหกรรมโฆษณาที่เติบโตตามการขยายตัวของเศรษฐกิจมากกว่าการเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจเอง
"เรามองเห็นโอกาสการรุกเข้าไปขยายตลาดสื่อ OHM ในกลุ่มประเทศ CLMV+I นั้น ซึ่งหากเราจะเข้าไปลงทุนนั้นจะเป็นลักษณะของการร่วมทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่น เพื่อนำจุดแข็งและความเชี่ยวชาญการทำธุรกิจมาผสานสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การรุกตลาด โดยคาดว่าในปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ MACO จะขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม จากเดิมที่มีการลงทุนในประเทศมาเลเซียไปก่อนหน้านี้แล้ว" นายนพดล กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MACO กล่าวว่า ส่วนแผนการดำเนินงานในประเทศนั้น บริษัทฯ มีแผนนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงสื่อป้ายโฆษณา เพื่อช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับโฆษณาผ่านสื่อป้ายโฆษณามากยิ่งขึ้นและจะสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจได้เพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดลองระบบเทคโนโลยีดังกล่าว คาดว่าจะสามารถนำมาให้บริการแก่ลูกค้าได้ในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายเครือข่ายสื่อโฆษณาและพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้น 20,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวรวมถึงจังหวัดเชื่อมต่อ AECประมาณ18,000 ตารางเมตรและสื่อโฆษณา Street Furniture ในกรุงเทพฯ อีกประมาณ 2,000 ตารางเมตร ซึ่งรวมถึงในทำเลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (บางจาก-แบริ่ง) และสายสีลม (วงเวียนใหญ่) ด้วย พร้อมกันนี้ ยังจะจับมือกับพันธมิตรด้านสื่ออื่นๆเพื่อนำมาสร้าง exposure value ให้กับลูกค้าของ MACO อย่างต่อเนื่อง
"แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาภายในประเทศปีนี้ ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจากพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความระมัดระวังการใช้จ่ายงบโฆษณา แต่เราเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างความน่าสนใจให้แก่ป้ายโฆษณาจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สื่อโฆษณาและการให้บริการแก่ลูกค้าของ MACO ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการช่วยผลักดันรายได้ในปีนี้ให้เติบโต 15% ตามเป้าที่วางไว้" นายนพดล กล่าว