กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์
นางถวายรินทร์ ลำเลียงพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทราพาวเวอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชสำอางแบรนด์ แล็ปสตอรี่ จากเกาหลี กล่าวว่าภาพรวมธุรกิจความงามปีนี้ยังสดใส ตลาดอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทยโดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ มีมูลค่าสูงถึง 2.1 แสนล้านบาท เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงเพื่อผิวขาวถึง 48% ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบทั่วไป 43% และผลิตภัณฑ์บำรุงแบบให้คุณประโยชน์เฉพาะ 9% ซึ่งจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เครื่องสำอางจากต่างประเทศทยอยเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และแบรนด์ไทยก็ไปทำตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน ทำให้กลุ่มสกินแคร์มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มเป็นเท่าตัวภายใน 4 ปีนี้อย่างแน่นอน
แม้กลุ่มเครื่องสำอางเกาหลีในไทยจะถดถอยลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่แบรนด์ชั้นนำของเกาหลียังคงเติบโตได้ดี เทรนด์ความงามที่ยังคงเป็นที่นิยมในไทย คือ กลุ่มสกินแคร์ โดยสินค้าไวเทนนิ่งสามารถทำยอดขายสูงสุด แบรนด์แล็ปสตอรี่จึงได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อถดถอยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ที่รักสวยรักงามยังมีความต้องการในผลิตภัณฑ์อยู่ตลอด และมีการจัดโปรโมชั่นบางส่วนให้กลุ่มกำลังซื้อถดถอยยังช่วยเพิ่มยอดขายได้ดี ดังนั้นบริษัทฯ จึงมองเห็นโอกาสที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นการเพิ่มช่องทางขายใหม่ๆ โดยได้เปิดตัวระบบแล็ปสตอรี่ ไดเร็คเซลล์ สู่ตลาดอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ถือเป็นช่วงขยายตลาดและสร้างรากฐานให้มั่นคงส่งท้ายไตรมาสแรกของปี หลังเปิดระบบฯ คาดว่าจะเป็นขาขึ้นของทางบริษัทฯ ช่วยกระตุ้นยอดขายให้กลับมาคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา
แล็ปสตอรี่ ถือเป็นแบรนด์เวชสำอางเกาหลีที่เปิดระบบขายตรงเจ้าแรกในไทย โดยเริ่มจากความสำเร็จของธุรกิจในการเป็นผู้นำการดูแลรูปหน้าให้แลดูวีเชฟ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ แล็ปสตอรี่ บีท็อคซ์ลิฟติ้งเซ็ท ที่ได้รับสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์ยอดนิยมจากประเทศเกาหลี ต่อมาในปี 2513 บริษัทฯ ก็ได้เริ่มเปิดขายสกินแคร์ทางเว็บไซด์, เฟสบุส, ไลน์ และไอจี ตลอดจนวางจำหน่ายในร้านเพื่อสุขภาพและความงาม (Specialty Store) อย่าง วัตสัน ทำให้มีจำนวนยอดซื้อสินค้าเข้ามาอย่างมากมาโดยตลอด เมื่อวิเคราะห์จากผลสำรวจความต้องการลูกค้าตลอด 2 ปีที่ผ่านมามีความต้องการให้เปิดระบบสมาชิก หรือ ไดเร็คเซลล์ ดังนั้นจึงได้เปิดระบบการขายตรงแบบชั้นเดียว (Single - level - marketing) คือ การทำตลาดโดยบริษัท มีสมาชิกเป็นตัวแทนจำหน่ายอิสระนำเสนอสินค้าแก่ผู้บริโภคโดยตรงมีรายได้จากเปอร์เซ็นต์ส่วนต่างระหว่างราคาขายปลีกกับราคาผู้จัดจำหน่าย เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี เพราะยังไม่มีแบรนด์ความงามจากเกาหลีทำระบบไดเร็คเซลล์ขายตรงแบบนี้มาก่อน บวกกับผลิตภัณฑ์เป็นที่นิยมจากกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับพรีเมี่ยม แรงซื้อเกิดจากการใช้แล้วได้ผลและบอกต่อ กลยุทธ์การสร้างยอดขายแบบ Word of Mouth จึงมีอิทพลต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์อย่างยิ่ง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยที่มีบุคลิกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใช้ดีแล้วบอกต่อ โดยมีผลตอบแทนที่ดีให้กับสมาชิก เกิดเป็นแหล่งรายได้ และที่สำคัญสอดรับกับภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ ที่คนส่วนใหญ่ต้องการหารายได้เพิ่มเพื่อแบ่งเบาค่าครองชีพที่สูงเพิ่มขึ้น ชูจุดเด่นเป็นระบบที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างฐานระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่งรองรับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของสมาชิกเองก็มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเป็นแบรนด์ที่อัพเดทกระแสความงามเกาหลี ซึ่งยังคงความแรงจากอิทธิพลของซุปเปอร์สตาร์ เกาหลี จึงถือเป็นความได้เปรียบในการทำตลาดที่สำคัญ โดยกลุ่มเป้าหมายโฟกัสไปที่ แฟนเพจ เฟสบุค และไอจีของแบรนด์เป็นหลัก ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าที่ซื้อสินค้าต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแพทย์ผิวหนัง พยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพในโรงพยาบาล ข้าราชการ สาวออฟฟิศ นักเรียนนักศึกษา และกำลังจะขยายกลุ่มไปยังคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงที่รักสวยรักงามสไตล์เกาหลี
สินค้าในระบบเน้นเสนอนวัตกรรมความงามใหม่ล่าสุดตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวพรรณที่ได้รับการรับรองคุณภาพ ผ่านการทดสอบการระคายเคืองการและพิสูจน์แล้วว่ามีผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย โดยสินค้ามีทั้งหมดมากกว่า 60 รายการ แบ่งเป็น 14 กลุ่มได้แก่ 1.คลีนซิ่ง 2.แก้ปัญหาสิว 3.สำหรับผิวรูขุมขนกว้าง 4.ผิวร่วงโรยเพราะขาดน้ำ 5.ผิวหย่อนคล้อยปรับรูปหน้าวี 6.ผิวมีริ้วรอยคืนความอ่อนเยาว์ 7.เติมคอลลาเจน 8.ผิวรอบดวงต่า 9.ลดกระปรับผิวกระจ่างใส 10.รอยดำ แดง หลุมสิว 11.ปกป้องแสงแดด 12.ดูแลทรวงอก 13.ขาลายสีไม่เรียบ 14.เมคอัพ
สิทธิพิเศษหลังสมัครสมาชิก จะได้รับรหัสและแคตตาล็อคเคล็ดลับความงามของซุปเปอร์สตาร์เกาหลี มูลค่า 350 บาท เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จัดส่งให้สมาชิกฟรีทั่วประเทศ และเมื่อสมาชิกรักษายอดขั้นต่ำเดือนละ 500 บาทติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน จะได้รับสวัสดิการประกันอุบัติเหตุพร้อมค่ารักษาพยาบาลสมาชิกในวงเงินสูงสุด 200,000 บาท มีการสะสมยอดเพื่อแลกของรางวัลอื่นๆอาทิเช่น สร้อยคอทองคำ เป็นต้น โดยได้เตรียมความพร้อมในด้านการบริหารจัดการระบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีการเขียนโปรแกรมสร้างฐานข้อมูลลูกค้า และเช็คดูยอดสั่งซื้อได้ทุกเมื่อที่ต้องการ พร้อมเปิดรับสมัครผู้จัดการเขตตามพื้นที่ต่างต่างมีการรับแอดมินเพิ่มเพื่อบริการลูกค้าและรับยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ด้านกลยุทธ์ทางการตลาดได้วางให้สอดคล้องกับการซื้อสินค้าของผู้บริโภค ตั้งราคาที่ลูกค้าส่วนใหญ่จับต้องได้ ขายง่าย มีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่สำหรับจัดจำหน่ายเป็นเซ็ทในราคาที่ประหยัดกว่าเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ เพื่อกระตุ้นการรับรู้ในวงกว้างและสร้างสมาชิกให้มีจำนวนมากขึ้นหลายเท่าตัว อีกทั้งยังมีแผนการสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบฯ เน้นการสร้างความรู้และความเข้าใจที่ชัดเจนแก่ลูกค้าว่าเป็นธุรกิจระบบขายตรงชั้นเดียวที่ถูกต้องและมีคุณภาพ เพื่อสร้างสังคมความงามสไตล์เกาหลีระหว่างกัน ไม่ได้เป็นระบบเครือข่าย (Multi-level-marketing) และไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่ โดย 12.6% จากยอดขายจะถูกจัดสรรเป็นงบประมาณการตลาดในปีนี้ ตั้งเป้าไว้ยอดขาย 2559 ที่ 50 ล้าน และ100 ล้านในปีหน้า ปัจจุบันมีลูกค้าที่เข้ามาสอบถามผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางต่างๆ ประมาณ 10,000 คน คาดระบบไดเร็คเซลล์จะมีคนมาเข้าร่วมเป็นสมาชิกในปีนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 คน ที่เป็น Active member แม้การแข่งขันในธุรกิจความงามและตลาดเครื่องสำอางด้วยกันเองจะสูง แต่ทั้ง 2 แขนงก็ทำงานประสานกัน ดังนั้นในอนาคตมองว่าสินค้าเวชสำอางของแล็ปสตอรี่จะเชื่อมโยงกับธุรกิจความงาม โดยจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น สปา สถานความงาม และคลีนิกความงามด้วยเช่นกัน นางถวายรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ จำกัด (ที่ปรึกษาด้านงานประชาสัมพันธ์)
โทร.02-284-2662 แฟกซ์. 02-284-2287,2291 www.kanokratpr.com
คุณกนกรัตน์ วีรานุวัตติ์ E-mail: Kanokrat@kanokratpr.com