กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--อาร์เอส
เห็นร่าเริง ยิ้มหัวเราะตลอดเวลา สำหรับ "จ๊ะ อาร์สยาม" ที่ล่าสุดแว่วมาว่าส่อแววป่วยหนักรับ "เบญจเพส" ด้วย "โรคพุ่มพวง" เหตุเพราะพักผ่อนน้อย นอกจากนั้น "คุณพ่อ" ก็ป่วยด้วย "โรคสะเก็ดเงิน" เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าตัวบอกว่า "คุณแม่" ยังเป็น "โรคซึมเศร้า" งานนี้ "สาวจ๊ะ" ได้เปิดใจหลังเดินทางมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ บันเทิง 108 ทาง ช่อง 8 ที่เลข 27 ถึงเรื่องทั้งหมดว่า
อาการป่วยตอนนี้ เห็นว่าหวั่นจะเป็นโรคพุ่มพวง ?
"คุณหมอบอกให้หนูหยุดงานประมาณ 1 เดือน เพราะว่าหนูเริ่มจะแบบเวลาอากาศร้อนมากๆ หรือว่าหนาวจมูกก็จะบวม เลือดก็จะซิบๆ หมอก็เลยบอกว่ากลัวหนูเป็นแพ้ภูมิตัวเอง เพราะรู้เริ่มแพ้เหงื่อ แพ้อะไรที่มาจากตัวเราเอง"
เป็นมานานรึยัง ?
"เพิ่งเริ่มที่จะแพ้เหงื่อตัวเอง คาดว่าจะเป็นนะคะ คุณหมอบอกว่าถ้าหนูไม่พักฟื้น 1 เดือน หนูจะต้องออกกำลังกาย นอนให้ตรงเวลาเรื่องอาหารการกิน เพราะว่าหนูเป็นคนลุยๆ ไม่ค่อยดูแลตัวเองหมอก็เลยกลัวจะเป็น"
ต่อเนื่องมากจากครั้งก่อนที่เข้าโรงพยาบาล ?
"ใช่ค่ะ สืบเนื่องมาเพราะว่าเป็นโรคภูมิแพ้รุนแรง เป็นไซนัสอักเสบด้วยที่เลือดมันออก"
ตกใจไหม หมอทักขนาดนี้ ?
"ก็ตกใจนะคะ เดือนหน้าก็รับงานน้อยลงจาก 30-40 งานก็รับแค่ 20 งาน พัก 10 วันแล้วก็เลือกที่ไม่ไกล เพราะว่าหมอไม่อยากให้ขึ้นเครื่องมาก เพราะช่วงนี้เลือดหนูพร้อมจะบอก เขากลัวเลือดจะออกหู"
ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นรุนแรง ?
"ใช่ค่ะยังไม่ได้เป็นระดับรุนแรงมาก แค่กลัวจะเป็น เพราะว่าเราเริ่มแพ้อะไรที่มาจากตัวเรา"
ไม่ศึกษาอะไรเกี่ยวกับโรคนี้เลย ?
"ไม่เลยค่ะ หนูเป็นคนง่ายๆ คิดง่ายๆ ว่าอะไรจะเกิดมันก็เกิด ถ้าเกิดเรากลัวเราก็จะต้องไม่รับงานเลย หมอบอกเราต้องเคลียร์คิวตัวเองแล้ว แต่หนูก็ยังไม่เคลียร์อะไรมาก เพียงแต่ว่าถ้างานไกลๆ กลางคืน กลางวันเข้ามาปกติหนูจะรับหมดเลย ตอนนี้ก็ไม่รับแล้ว"
กลัวไหมเราพักผ่อนไม่เป็นเวลาเพราะงานเราคือนักร้อง ?
"จริงๆ แล้วหนูได้ถามนักร้องหลายคน บอกอาการ บอกโรค ถามหลายคนนะคะเป็นกันเกือบทุกคนเลยค่ะ แต่ของหนูนี่คือคุณหมอบอกว่ากลัวว่าหนูจะเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองเท่านั้นเอง หนูว่ามันเป็นโรคปกติของคนกลางคืนมากเลย ถามว่าพบแพทย์ไหม พบตลอดเลยค่ะ เข้าทุกเดือน หรือ 2 อาทิตย์เข้าที เพราะหนูต้องไปส่องโพรงจมูก หมอกลัวจะเป็นหนอง ก่อนหน้านี้ที่เป็นไซนัสอักเสบ หมอบอกว่าถ้าเป็นหนองปุ๊บหนูจะไปงานไม่ได้แล้ว เพราะหนูต้องขูดหรือดูดหนองออก อันนั้นต้องนอนโรงพยาบาล"
ทำไมไม่ตัดสินใจพักเลย ตามที่หมอบอก ?
"งานมันรับมาแล้วเกิน 6 เดือน งานที่เรารับมาแล้วเราไม่สามารถเบรกได้ คือถ้าเจ้าภาพเข้าใจ แต่คนดูไม่เข้าใจ เพราะมันเป็นงานค่อนข้างใหญ่ งานกาชาดที่ขึ้นป้ายไว้แล้ว ถ้าเราเสียตรงนี้ไป คนไม่มั่นใจกับเราว่าเราเบี้ยวงาน ก็เลยไม่กล้าเบรก แต่หลังจาก 6 เดือนที่เรายังไม่ได้รับงานอันนั้นเบาลง(รับงานน้อยลง)"
จะรู้ผลเมื่อไหร่ว่าเป็นหรือไม่เป็น ?
"หมอก็รอหนูไปเทสจริงจัง ที่มันจะมีตัวเทสว่าหนูแพ้อะไรบ้าง แต่ว่ายังไม่ได้เข้าไปเลย(หัวเราะ) เพราะหนูก็รอให้เป็นหนักสุดๆ(หัวเราะ) ค่อยเข้าไป ถามว่าทำไมไม่หวงตัวเอง ห่วงนะคะ แต่ถ้าใครมาอยู่ตรงจุดนี้จะเข้าใจ เวลาเราไปงานคนเยอะมากเลยนนะ เราไม่กล้าคืนงาน จริงๆ แล้วหนูว่ามันเป็นโรคเวรกรรมนะคะ เพราะว่าคนเรากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อก่อนก็ทำงานทุกวันนะคะแต่ค่าตัวน้อย พอค่าตัวเยอะ ทุกอย่างเอื้ออำนวยหมดเลยนะ เจ้าภาพก็ดูแลเราดี แต่เรากลับรับงานไม่ได้ หนูว่าน่าจะเป็นโรคเวรกรรม หนูคิดเอง"
คุณพ่อก็ป่วยด้วย ?
"จริงๆ คุณพ่อก็เป็นภูมิแพ้นะ ที่หนูเป็นก็เป็นกรรมพันธ์ พ่ออยู่กับหวายจักสาน จนกลายเป็นโรคสะเด็ดเงินที่เป็นโรคผิวหนัง แล้วก็เป็นเยอะมาก ตอนแรกหนูไม่เคยรู้เลยพ่อใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวตลอด แต่วันนั้นพาพ่อไปจันทบุรี ถอดเสื้อออกมาเหมือนกระดองเต่าที่แตกทั้งตัว เลือดซิบ หนองซิบ เต็มหมดเลย หลังก็เต็มเลย แล้วก็ต้องโกนผม เพราะโรคนี้เกิดจากศรีษะ 4-5 วันแรกนอนอยู่ดีๆ เขาทายาน้ำหนองไหลออกมาเต็มเลย"
พาคุณพ่อไปหาหมอ หรือดูแลยังไง ?
"ตอนนี้พ่ออยู่ที่จันทบุรีค่ะ รักษาอยู่ แต่ว่าไม่ได้เป็นคุณหมอนะคะ เป็นนายก คือคุณพ่อรักษาตามโรงพยาบาลมาเยอะมาก แล้ว แต่ไม่หายเพราะว่าที่โรวพยาบาลเป็นยาสเตียรอยด์ที่ทายุบ แต่พอเลิกทาก็จะเป็นขึ้นมาอีก พ่อก็เลยอยากหายขาด ไปที่นี่ดีขึ้นมาก แล้วที่นี่กินฟรี อยู่ฟรี รักษาฟรี"
เป็นสมุนไพรเหรอ ?
"ใช่ค่ะ ที่นี่ไม่ใช่แค่รักษาทายาอย่างเดียว มีเรื่องอาหารการกินด้วย โรคสะเก็ดเงินกินได้แค่หมู กับผักน้อกนั้นกินอะไรม่ได้เลย"
อะไรที่ทำให้เราสู้ได้ กำลังใจดีมาก ?
"จริงๆ หนูเป็นคนที่ไม่ซีเรียส ไม่คิดมาก ไม่คิดเยอะ หนูคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนมันถูกกำหนดมาแล้วว่าเราจะต้องเป็นอะไร เพราะว่าชีวิตเราเอง เราก็ไม่เคยคิดว่าเราจะได้มาอยู่จุดนี้ เราก็ไม่ได้เครียดอะไร แต่กินยาทุกวันแค่นั้นเอง"
โรครุมเร้าทั้งครอบครัว ?
"ตอนนี้คุณแม่ก็เริ่มเป็รโรคแล้ว(หัวเราะ) แม่เป็นโนรคซึมเศร้า หนูอยู่กรุงเทพ พ่ออยู่จันทบุรี แม่อยู่คนเดียว แม่โทรมาร้องไห้ใหญ่เลย(หัวเราะ) ถามว่าจะเอาแม่มาอยู่ด้วยไหม บอกตลอดเลย แต่ว่าแม่ไม่ยอมมาก็เลยแก้ปัญหาโดยที่เอาคุณน้ามาอยู่กับแม่(ยิ้ม)"