กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--บีโอไอ
บีโอไอ โตโยต้าและสถาบันยานยนต์ ร่วมระบุทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสดใสทั้งภาคการผลิต การส่งออก และยอดขายในประเทศ ค่ายรถทั่วโลกเข้าใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อ เชื่อมั่นอนาคตสามารถขยายตลาดรถยนต์ในประเทศได้อีกเกือบ 10 เท่า พร้อมแนะสถานศึกษาและภาคเอกชนต้องเร่งผลิตช่างเทคนิค เพื่อผลิตขีดความสามารถการแข่งขันในยุคการค้าเสรี
นายวิทยา ไพรสุวรรณ หัวหน้าหน่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อส่งเสริมการลงทุน (Industrial Human Resources Development Unit) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมกากรลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการจัดบรรยายในหัวข้อ "อนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย" ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งภาคการผลิต การส่งออก และการจำหน่ายในประเทศ ดังนั้น แรงงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับตัวให้มีขีดความสามารถและประสิทธิภาพเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต ซึ่งหน่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงจัดให้มีการพบปะกันระหว่างผู้ประกอบการและภาคการศึกษา เพื่อร่วมรับฟังและหาแนวทางพัฒนาแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไป
ทางด้านนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานรถยนต์เกือบทั้งหมดตั้งฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมทั้งในด้านชิ้นส่วนและอะไหล่รถยานยนต์ และแรงงาน แต่จากภาวะการค้าเสรีในปัจจุบันทำให้ประเทศไทยต้องเร่งปรัปรุงด้านต่างๆ อาทิ ต้องมีอุตสาหกรรมสนับสนุนที่หลากหลายมากขึ้น ต้องพัฒนาสินค้าที่มียี่ห้อเป็นของตนเอง ความสามารถในการจัดการตลาด รวมทั้งการกระจายอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในปรุงเทพฯ และปริมณฑล
ส่วนในด้านแรงงาน จำเป็นที่จะต้องปรับปรุงในส่วนของช่างเทคนิค เพราะถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะช่างเทคนิคด้าน MOLD & DIE ที่ยังขาดแคลน
ด้านนายนาวา จันทนสุรคน ผู้จัดการว่าจ้างและพัฒนาระบบ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า อีก 6-7 ปีข้างหน้าจะเป็นยุครุ่งโรจน์ของยานยนต์ไทยโดยเฉพาะตลาดรถยนต์ในประเทศยังสามารถขยายตัวได้อีกเกือบ 10 เท่า โดยประเมินจากจำนวนประชากรต่อรถ 1 คัน คือ 13.2 คน/1 คัน อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการ พัฒนาแรงงานของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับกลุ่มประเทศที่กำลังเป็นคู่แข่งของไทย อาทิ เวียดนามและจีน
นายนาวากล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาแรงงานไทยก็คือ ต้องส่งเสริมเป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรร หรือคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังไม่สามารถแข่งขันกับประเทศญี่ปุ่นได้เพราะคนไทยขาดความคิดสร้างสรรและการค้นคว้าใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ ซึ่งภาครัฐและเอกชนไทยจะต้องเร่งสนับสนุนในส่วนนี้อย่างเป็นรูปธรรม--จบ--
-นห-