กรุงเทพฯ--6 เม.ย.--Core&Peak
หากการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและวิถีความเป็นอยู่ของมนุษย์ถึงทางตัน สิ่งที่มีค่ามากที่สุดของมนุษย์คือการพัฒนาศักยภาพภายใน กระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มพูนความฉลาด ให้เป็นคนเหนือคน ซึ่งตามแนวทางของวิถีชี่กงโบราณ มีการกล่าวถึงเคล็ดลับกระตุ้นการทำงานของต่อมไพเนียล โดยในคัมภีร์โบราณบันทึกไว้นานแล้วว่า หากมนุษย์สามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมไพนิลได้สำเร็จ จะเป็นประตูสำคัญให้บุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีทุกด้าน ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาศักยภาพภายในที่ซ้อนเร้น ให้ปรากฏออกมา โดยไม่สามารถประเมินค่าได้
ต่อมไพเนียล เป็นต่อมไร้ท่ออยู่เหนือสมอง อยู่บริเวณกึ่งกลางของสมองส่วนซีรีบรัมซ้ายและขวา มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวมีสีแดงปนน้ำตาล ต่อมไพเนียลเปรียบเสมือนนาฬิกาชีวภาพ ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยในการนอนหลับ เพราะถ้าหากร่างกายได้รับการพักผ่อนเพียงพอ การทำงานของร่างกายในส่วนอื่นๆ ก็ย่อมดีด้วย แต่ถ้าร่างกายเกิดการพักผ่อนไม่เพียงพอ แน่นอนว่าร่างกายของเราจะต้องเกิดการเสียสมดุล เกิดอาการต่างๆ ตามมาอีกมากมาย นอกจากนี้ การกระตุ้นการทำงานของต่อมไพเนียล ยังช่วยทำให้เซลล์สมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การฝึกสมาธิเพื่อเปิดต่อมไพเนียล ทำได้ด้วยตัวเอง โดยการกำหนดลมหายใจเข้าไปที่ จุดใจกลางสมอง และหายใจออก สลับกันไปมา โดยให้ฝึกวันละประมาณ 15 -30 นาทีเป็นอย่างน้อย และฝึกเวลาใดก็ได้ แต่ทางที่เหมาะสมควรได้รับคำแนะนำจากอาจารย์สอนชี่กงเพื่อให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด และก่อนฝึกฝนควรที่จะได้เรียนรู้ถึงทฤษฎีเกี่ยวกับความสำคัญของต่อมไพเนียลเสียก่อน
โดยผู้ฝึกสมาธิ จะต้องมีความเข้าใจถึงลักษณะของต่อมไพเนียล สัมผัสถึงพลังลมปราณ และรู้เส้นทางเดินของลมปราณภายในร่างกายนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร โดยถ้าเราฝึกเป็นประจำจะส่งผลให้คลื่นสมองทำงานอยู่ในระดับ คลื่นอัลฟา (Alpha brainwave) ซึ่งคลื่นอัลฟามีความถี่ระหว่าง 9 -13 รอบต่อวินาที จะเกิดชี่กั่น 16 ชนิด ถ้าหากคลื่นความถี่ลดลงเหลือ 4 – 7 รอบต่อวินาที จะเข้าสู่สภาวะ เข้าฌาน ผู้ที่นั่งสมาธิจะเห็นแสงสว่างออกมาจากบริเวณต่อมไพเนียล (ตาที่สามเปิด) หรือบางคนอาจจะมีความรู้สึกถึงพลังลมปราณที่วิ่งลงไปบริเวณปลายเท้า ซึ่งคลื่นอัลฟ่ามีจังหวะที่ช้าและขนาดใหญ่กว่าคลื่นเบต้า อีกทั้งยังหลั่งฮอร์โมนที่มีประโยชน์ออกมาให้ร่างกายอย่าง ฮอร์โมนเอนดอร์ฟีน เป็นต้น
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำสมาธิเพื่อเปิดต่อมไพเนียลคือ ช่วยเรื่องการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายโดยจะส่งผลให้จิตใจผ่องใส ปลอดโปร่ง สติปัญญาดีขึ้นส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ คิดอะไรได้รวดเร็ว-ถูกต้อง คิดอย่างเป็นระบบ เนื่องจากสมองสามารถเปิดรับข้อมูลได้อย่างเต็มที่ เรียนรู้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เซลล์สมองตื่นตัว และกระตุ้นการทำงานของสมองให้ทำงานได้มากกว่าปกติทั่วไป รวมทั้งเพิ่มภูมิป้องกันโรคและบำบัดโรคภัยไข้เจ็บให้หายเองได้ อีกทั้งยังสามารถคืนความหนุ่มสาว ไม่แก่ชรา สุขภาพจะกลับคืนความแข็งแรง ทำให้อายุยืน นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมอารมณ์และปล่อยวางกับสิ่งต่างๆ รอบกายได้ดีอีกด้วย ซึ่งเทียบกับวิชาชี่กงสมัยโบราณจะเรียกว่าเป็นการเกิด โอสถทิพย์ นั่นเอง